เดือดตั้งแต่ต้นปี 7-11 เปิดศึกไล่บี้คู่แข่ง งัด "แคชแบ็ค" ตุนยอด

เดือดตั้งแต่ต้นปี 7-11 เปิดศึกไล่บี้คู่แข่ง งัด "แคชแบ็ค" ตุนยอด

เดือดตั้งแต่ต้นปี 7-11 เปิดศึกไล่บี้คู่แข่ง งัด "แคชแบ็ค" ตุนยอด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เปิดศึกตั้งแต่ต้นปีเลยทีเดียว สำหรับสมรภูมิร้านสะดวกซื้อ ส่วนหนึ่งมาจากสถานการณ์โดยภาพรวมของภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ไม่เอื้อ ที่กระทบต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา 

นอกจากผู้เล่นเดิมอย่าง เซเว่นอีเลฟเว่น, แฟมิลี่มาร์ท, ลอว์สัน 108, แมกซ์แวลู ต่างเดินหน้าปูพรมสาขา ชิงทำเล หลังจากปีที่แล้ว ทั้งแฟมิลี่ มาร์ท และลอว์สัน 108 อยู่ในช่วงจัดทัพใหม่ ปีนี้ทุกค่ายจึงมีความพร้อมและเดินเครื่องกันอย่างเต็มที่ ประกอบกับการมีแบรนด์น้องใหม่ "365" ของเทสโก้ โลตัส ที่ปั้นโมเดลนี้ขึ้นมาเพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาดจากผู้ประกอบการรายเดิม ๆ 

แต่ด้วยบรรยากาศการจับจ่ายที่ซบเซามาตั้งแต่ปีที่แล้ว ทำให้ "แคมเปญส่งเสริมการขาย" ของแต่ละค่ายดุเดือดแบบไม่มีใครยอมใคร เสียลูกค้า จากปกติที่จะเห็นแคมเปญแรง ๆ ออกมาช่วงโลว์ซีซั่น แต่ปีนี้กลับงัดออกมาใช้ตั้งแต่ต้นปี เพื่อรักษาการเติบโตของร้าน

เริ่มจากผู้นำตลาด "เซเว่นอีเลฟเว่น" หลังจากจบแคมเปญแลกซื้อสุดคุ้ม เมื่อวันที่ 25 มกราคม ในวันถัดมาก็ส่งแคมเปญใหม่ออกมาต่อเนื่องทันที ชื่อว่าแคมเปญ "Cash Back คืนเงินสุดคุ้ม" ถือเป็นแคมเปญใหม่ ซึ่งเซเว่นอีเลฟเว่นไม่เคยทำมาก่อน 

"ยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล" รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านเซเว่นอีเลฟเว่น กล่าวว่า เมื่อผู้เล่นในตลาดมีจำนวนมากขึ้น ตลาดขยายตัวขึ้น เซเว่นฯในฐานะผู้นำตลาดจึงต้องพัฒนาอยู่ตลอดเวลา เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และฉีกหนีคู่แข่ง จึงกลายเป็นที่มาของการออกแคมเปญใหม่ๆ

ทั้งสินค้าและโปรโมชั่น เพื่อสร้างความตื่นตาตื่นใจ สร้างบรรยากาศการจับจ่ายให้ลูกค้าที่เข้าร้านรู้สึกสนุกสนาน

สำหรับแคมเปญ "Cash Back คืนเงินสุดคุ้ม" เป็นการต่อยอดมาจากแคมเปญแสตมป์ ซึ่งเมื่อซื้อสินค้าได้รับแจกแสตมป์และใช้แทนเงินสดได้ จึงกลายเป็นไอเดียนำมาทำแคมเปญใหม่ที่เรียกว่า "แคชแบ็ค" ภายใต้คอนเซ็ปต์ "คืนเงินสุดคุ้ม" เมื่อซื้อสินค้าที่เข้าร่วมรายการ รับทันทีคูปองคืนเงินที่นำไปใช้ซื้อสินค้าแทนเงินสด มีมูลค่าตั้งแต่ 3 บาท 5 บาท 10 บาท 15 บาท 20 บาท 25 บาท 30 บาท รวมถึงการชำระค่าบริการผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสทุก 2 บิล โดยมีระยะเวลาแคมเปญ 1 เดือนหรือเริ่มตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม ถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 

"ระยะเวลาจะสั้นกว่าแสตมป์ เพราะว่าเป็นโปรโมชั่นใหม่ เป็นการทดลองคอนเซ็ปต์ใหม่ ๆ ซึ่งถ้าได้รับการตอบรับดีก็จะพิจารณาว่าจะต่อยอดอย่างไร" 

ผู้บริหารร้านเซเว่นฯกล่าวและว่าปกติแคมเปญแรงๆ อย่างแสตมป์จะดึงออกมาใช้กระตุ้นยอดขายช่วงโลว์ซีซั่น แต่ครั้งนี้เลือกลอนช์ตั้งแต่ต้นปี ผู้บริหารเซเว่นฯยอมรับว่า เนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็นมากกว่าปีที่ผ่านมาและมีระยะเวลานาน ทำให้สินค้ากลุ่มโลชั่นบำรุงผิวขายดี แต่ยอดขายกลุ่มเครื่องดื่มลดลง 

ระยะเวลาแคมเปญ 1 เดือน คาดว่าจะสร้างยอดขายให้เติบโต 5-10% อีกด้านหนึ่งก็เป็นการขยับตัวหนีคู่แข่ง ซึ่งตอนนี้มีแคมเปญออกมาคล้ายกับเซเว่นฯ 

"โปรโมชั่นแรงขึ้น ส่วนหนึ่งเพื่อรักษายอดขาย ช่วงเศรษฐกิจดีก็อาจจะมีโปรโมชั่นน้อย และการกระตุ้นยอดขายได้เร็วที่สุดก็คือโปรโมชั่น ขณะเดียวกันก็ช่วยให้กลับเข้ามาใช้บริการและซื้อซ้ำ โปรโมชั่นที่ลูกค้าชอบมากที่สุดก็คือการลดราคาทันที สินค้าที่นำมาจัดรายการเป็นสินค้าขายดีในตลาด เน้นกลุ่มอาหาร"

นอกจากเซเว่นฯ จะมีโปรโมชั่นออกมากระตุ้นตลาดในระยะสั้น ก็มีแผนสร้างการเติบโตระยะยาวควบคู่กันไป ด้วยโพซิชันนิ่งที่โฟกัสเรื่องอาหารและการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ซึ่งเตรียมจะเปิดตัวโฆษณาชุดใหม่ด้วยงบฯ 30 ล้านบาท เพื่อตอกย้ำจุดยืนของเซเว่นฯที่เป็นร้านอิ่มสะดวกที่มีอาหารเสิร์ฟครบทุกมื้อ ไม่ว่าจะเป็นมื้อเช้า มื้อสาย มื้อเที่ยง มื้อบ่าย มื้อเย็น หรือมื้อดึก จะออนแอร์ตลอดเดือนกุมภาพันธ์ 

มีซุปตาร์ชื่อดัง "เจมส์ จิรายุ" ชวนคนไทยหันมารับประทานอาหารมื้อเช้า มีสโลแกนว่า อย่าลืมมื้อเช้าที่เซเว่นฯที่มีสินค้าตอบสนองกลุ่มเป้าหมายทั้งเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ วัยทำงาน อาทิ ซาลาเปา ครัวซองต์แซนด์วิชแฮมชีส ข้าวเหนียวเบอร์เกอร์ลาบหมู ข้าวผัดปู เป็นต้น 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากแคมเปญหลักดังกล่าว ระหว่างนั้นยังมีแคมเปญย่อย ๆหมุนเวียนออกมาสร้างกิมมิก อาทิ โปรโมชั่นลดอย่างแรงเฉพาะ 3 วัน หรือ 7 วัน ที่ได้ทดลองทำตลาดไปบ้างแล้วเมื่อปีที่แล้ว อาทิ คาราวานทั่วประเทศ เป็นโลคอลมาร์เก็ตติ้ง สร้างแบรนด์อะแวร์เนสและแจกคูปองส่วนลด เพื่อโปรโมตให้คนเข้าร้าน

ไม่ใช่แค่เซเว่นฯ ที่มีแคมเปญหลักและแคมเปญย่อยรวมกันในกุมภาพันธ์เพียงเดือนเดียว แต่อีกค่ายที่มีโปรโมชั่นจัดหนักคือ แฟมิลี่มาร์ท เพิ่งเปิดตัวแคมเปญไปหมาดๆ หรือ "ช้อปลัดฟ้า พาทัวร์โยโกฮาม่า"

จัดลุ้นชิงรางวัลไปญี่ปุ่น เป็นปีที่ 2 แต่มีความเข้มข้นขึ้นในแง่ของความร่วมมือกับซัพพลายเออร์ ที่มีการแจกคูปองให้มากกว่าปกติที่จะได้ 1 ใบ ทุกการซื้อ 60 บาท อาทิ สินค้าเครือดัชมิลล์และ

 

แดรี่พลัสแจกเพิ่ม 30 ใบ 

"จุฑารัตน์ วงศ์สุวรรณ" รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายการตลาด บริษัท เซ็นทรัลแฟมิลี่มาร์ท จำกัด ผู้บริหารร้านแฟมิลี่ มาร์ท กล่าวว่า ร้านสะดวกซื้อมุ่งแข่งขันกันเรื่องจำนวนสาขา สินค้า และโปรโมชั่น ซึ่งแฟมิลี่มาร์ทยังเปิดสาขาใหม่ตลอด ตั้งแต่ต้นปีเปิดไปแล้ว 10 สาขา ปัจจุบันมี 1,053 สาขา และได้พัฒนาสินค้าพร้อมทานไปควบคู่กัน พร้อมกับเรื่องบริการ และอัดโปรโมชั่นอย่างเต็มที่ 

ปีนี้แคมเปญการตลาดแรงขึ้นและจะมีตลอดทั้งปี เตรียมงบฯไว้ 150 ล้านบาท เน้นจัดโปรโมชั่นร่วมกับซัพพลายเออร์ เฉพาะเดือนกุมภาพันธ์มีแคมเปญซ้อนหลายรายการหลักๆ คือ ลุ้นเที่ยวญี่ปุ่นเพิ่งจัดไปไตรมาส 3 ของปีที่แล้ว ได้รับการตอบรับที่ดีจึงจัดอีกครั้งในช่วงนี้ คาดหวังรายได้โต 2 หลัก หลังจากนี้ก็จะมีแคมเปญต่อเนื่อง ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่เชื่อว่าจะสร้างความฮือฮา

จากความไม่มั่นใจกับภาวะเศรษฐกิจ จึงต้องเร่งสร้างยอดขายตั้งแต่ต้นปี และรองรับการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง จากรายใหม่เข้ามาและรายเดิมมีการขยายสาขา จึงต้องหาแคมเปญที่มีความน่าสนใจ 

"ปกติร้านสะดวกซื้อเน้นโปรโมชั่นสินค้าประจำเดือน แต่ตอนนี้เริ่มมีออนท็อปลูกค้าได้หลายต่อ เพิ่มไลฟ์สไตล์มาร์เก็ตติ้งมากขึ้น อย่างแคมเปญเที่ยวญี่ปุ่นทำให้ยอดซื้อต่อบิลเพิ่มขึ้น" 

ด้านน้องใหม่ 365 ก็มีแคมเปญแรงออกมาดึงคนเข้าร้านและสร้างแบรนด์ในช่วงแรกอาทิ เมื่อซื้อสินค้าครบทุก 60 บาท รับคูปองส่วนลด 3 บาท และตั๋วรถเมล์ทุกประเภทมีค่า 5 บาท เป็นต้น

เพียงแค่เดือนแรกก็แซ่บเว่อร์แล้ว จากนี้จึงต้องจับตาแบบไม่กะพริบว่าจะปล่อยแคมเปญอะไรออกมาสร้างสีสันและค่ายอื่นๆ จะแก้เกมอย่างไร

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook