ธปท.มองเศรษฐกิจไทยปี57ขยายตัวได้4%
ธนาคารแห่งประเทศไทย มอง เศรษฐกิจไทย ปี 57 ขยายตัวได้4% ภายใต้รัฐบาลเบิกจ่ายงบสูงสุด ขณะ เอกชน ฟื้นตัวไตรมาส2 ยัน ใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยผ่อนคลาย หนุนเศรษฐกิจ ปัจจัยเสี่ยงยังเป็นหนี้ครัวเรือน
นางรุ่ง มัลลิกะมาส โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. กล่าวถึงกรณีที่ ธนาคารโลก มองว่า เศรษฐกิจไทยมีโอกาสจะเติบโตได้ถึงร้อยละ 4 ว่า มีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ร้อยละ 4 ตามที่ธนาคารโลกมองไว้ แต่ต้องอยู่ภายใต้ภาคการคลัง จะต้องเบิกจ่ายได้เต็มที่และมีประสิทธิภาพ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค นักลงทุน และกิจกรรมภาคเอกชนฟื้นตัวช่วงปลายไตรมาส 2 หรือ อย่างช้าภายในครึ่งปีหลัง โดยสถานการณ์ทางการเมืองกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เช่นเดียวกับภาคการอุปโภคบริโภคที่คาดว่าน่าจะฟื้นตัวเร็วโดยเฉพาะการจับจ่ายซื้อสินค้าที่ไม่คงทน ส่วนภาคการท่องเที่ยว ที่เชื่อว่าจะฟื้นตัวเร็วเช่นกัน เนื่องจาก นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เข้ามาในไทย มักเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวประเทศเอเชีย ที่มีการวางแผนการท่องเที่ยวระยะสั้น ซึ่งเมื่อการเมืองไทยเข้าสู่ภาวะปกตินักท่องเที่ยวก็จะกลับมา ขณะเดียวกัน ยังได้รับปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ที่ช่วยสนับสนุนการส่งออกของไทย ให้ขยายตัวได้ตามไปด้วยที่ร้อยละ 7
ธปท. ใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยผ่อนคลายหนุน ศก.
นางรุ่ง มัลลิกะมาส โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. กล่าวว่า ปัจจัยเสี่ยงในประเทศไทย แตกต่างจากต่างประเทศ ดังนั้น ทิศทางของอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย จึงมีแนวโน้มผ่อนคลายต่อเนื่อง เพื่อสนันสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ แม้ว่าทิศทางดอกเบี้ยในบางประเทศจะขยับเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจาก บางประเทศต้องขึ้นดอกเบี้ยเพื่อดูแลเงินเฟ้อและเสถียรภาพการเงิน แต่ในระยะยาว แนวโน้มดอกเบี้ยของไทย จะเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ นอกจากนี้ การแข่งขันระดมเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ ในปีนี้ จะน้อยกว่าปีก่อน เนื่องจากการขยายตัวของสินเชื่อชะลอลงไม่สูงเท่ากับปีก่อน ดังนั้น จึงทำให้ ธนาคารพาณิชย์ ไม่ต้องแข่งขันระดมเงินฝากมากนัก
ขณะปัจจัยที่น่าจับตามองคือ หนี้ภาคครัวเรือน ที่จะปรับตัวสูงขึ้นจากผู้มีรายได้น้อยและชาวนาที่ยังไม่ได้รับเงินจากโครงการรับจำนำข้าวล่าช้า ที่อาจจะกระทบให้หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นสูง เพราะสภาพคล่องของครัวเรือน เริ่มมีสัญญาณลดลง แต่ยังไม่ได้เป็นสัญญาณที่อันตราย
ธปท. เชื่อ เงินทุนเคลื่อนย้ายไม่เปลี่ยนแปลง
นางรุ่ง มัลลิกะมาส โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. กล่าวว่า สถานการณ์เงินทุนเคลื่อนย้ายภายหลังจากที่ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด คนใหม่ ที่ออกมาระบุว่าจะสานต่อนโยบายเฟด คนเก่านั้น เชื่อว่า นโยบายการเงินของสหรัฐ จะมีความต่อเนื่อง และไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ดังนั้น ตลาดการเงิน ก็จะปรับตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป แม้ว่าจะมีการถอนเงินลงทุนออกจากตลาดใหม่ในช่วงนี้ ก็เป็นไปตามที่เคยคาดการณ์ไว้เพราะในช่วงที่อัดฉีดสภาพคล่อง หรือ QE ก็มีเงินทุนไหลเข้ามาจนเกินพื้นฐานจึงต้องมีการไหลออกมากกว่าปกติ แต่เชื่อว่าในระยะยาว เงินทุนต่างชาติจะยังกลับเข้ามาลงทุนในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เพราะเศรษฐกิจโตดีกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว