คลังวิตกการเมืองป่วนไม่เลิก งบลงทุนปี"58เบิกจ่ายสะดุด
กระทรวงการคลังห่วงจัดทำงบประมาณรายจ่ายปี"58 ชะงัก เหตุสถานการณ์การเมืองยังป่วน จัดเลือกตั้งไม่จบ-มีรัฐบาลใหม่ล่าช้า กระทบงบลงทุนหน่วยงานราชการ-รัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายไม่ได้ ขณะที่รายจ่ายประจำ เงินเดือนข้าราชการไม่เป็นปัญหา
สถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมือง และอยู่ในช่วงรัฐบาลรักษาการ โดยยังไม่มีความชัดเจนจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลอย่างเป็นทางการได้เมื่อไร ได้ส่งผลกระทบต่อการบริหารราชการอย่างมาก อาทิ การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ รวมถึงการขอใช้งบประมาณของส่วนราชการต่างๆ โดยเฉพาะกระทรวงการคลังกำลังวิตกกับการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 ซึ่งจะเป็นปัญหาต่อการเบิกจ่ายงบลงทุนและกระทบต่อภาพเศรษฐกิจของประเทศ
โดยเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในการจัดทำงบรายจ่ายประมาณปี 2558 กระบวนการทำงานของกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ กำลังเดินหน้าจัดทำคำของบประมาณของแต่ละส่วนงานตามปกติ เพราะตามกระบวนการจะต้องเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีภายในเดือนมิถุนายน และจะนำเสนอต่อรัฐสภาวาระ 1, 2 และ 3 ภายในเดือนกันยายนนี้ เพื่อให้สามารถประกาศใช้งบประมาณได้ทันในวันที่ 1 ตุลาคม 2558 แต่ปัญหาขณะนี้คือ ไม่ทราบว่ากระบวนการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาลจะสามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จเมื่อไร
นายเอกนิติกล่าวว่า หากการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้าออกไป จะยิ่งทำให้การประกาศใช้งบประมาณล่าช้าออกไปด้วย เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในช่วงรัฐบาลรัฐประหารปี 2550 หรือช่วงรัฐบาลปัจจุบันในปี 2554 กว่าจะมีงบประมาณใช้ก็ล่วงเลยไปประมาณเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ หรือล่าช้าไป 1 ไตรมาส จากที่ต้องเริ่มในเดือนตุลาคม อย่างไรก็ตาม ความล่าช้าดังกล่าวจะไม่มีผลกระทบต่องบประมาณรายจ่ายประจำประเภทเงินเดือนข้าราชการ เพราะสามารถเบิกใช้งบประมาณไปพลางก่อนได้ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ งบลงทุนของปีงบประมาณนั้นๆ จะไม่สามารถเบิกจ่ายได้ และจะกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
นายเอกนิติกล่าวว่า ตามประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงเดือนธันวาคมปีที่แล้ว สศค.คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ 4% ภายใต้สมมติฐานการเลือกตั้งผ่านไปด้วยดี มีการจัดตั้งรัฐบาลมาบริหารประเทศได้ภายในเดือนมิถุนายน เพื่ออนุมัติงบประมาณ และประมาณการว่าการเบิกจ่ายงบลงทุนปีงบประมาณได้ 80% มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 30 ล้านคน แต่หลังจากผ่านการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ทำให้การจัดตั้งรัฐบาลล่าช้าออกไป สศค.จึงได้ปรับประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้เหลือเพียง 3.1% เพราะคาดว่าจะเบิกจ่ายงบลงทุนได้เพียง 65% พร้อมกับตัดงบลงทุนในส่วนของเงินกู้โครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งของประเทศ 2 ล้านล้านบาท และเงินกู้บริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทออกไปทั้งหมด รวมถึงปรับลดจำนวนนักท่องเที่ยวเหลือ 28 ล้านคน
นายเอกนิติกล่าวว่า ขณะนี้ สศค.กำลังทำประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจใหม่ ที่คาดว่าจะขยายตัวต่ำกว่า 3% หลังจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองยืดเยื้อ จนไม่สามารถเลือกตั้งแล้วเสร็จและจัดตั้งรัฐบาลได้ และงบประมาณล่าช้าออกไปเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว แม้ว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายงบประจำ แต่ก็จะกระทบต่องบลงทุนได้ โดยกำลังรวบรวมตัวเลขว่าในส่วนของงบลงทุนที่เหลือ 35% ซึ่งไม่สามารถเบิกจ่ายได้ รวมถึงงบเหลื่อมปี ซึ่งในแต่ละปีจะมีประมาณ 2-3 แสนล้านบาท นอกจากนั้นยังรวบรวมงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ (รสก.) ด้วย เพราะจะต้องเสนอ ครม.เพื่อพิจารณาอนุมัติ หากไม่มีรัฐบาลก็จะกระทบต่องบลงทุนส่วนนี้ด้วย
"ขณะนี้ที่ชัดเจนคือ ไตรมาสที่ 4 ปีนี้น่าจะเป็นไตรมาสที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองที่ยืดเยื้อ และยังเป็นไตรมาสที่มีการเปรียบเทียบข้อมูลจากฐานปี 2556 ที่สูงด้วย ซึ่งชัดเจนคือ จีดีพีต่ำกว่า 3% แน่ๆ แต่จะไม่ถึงกับติดลบตามที่หลายฝ่ายกลัว เพราะยังถือว่าเป็นโชคดีของเศรษฐกิจไทยที่มามีปัญหาทางการเมืองในช่วงที่เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว ซึ่งจะช่วยพยุงเศรษฐกิจได้ทางหนึ่ง เพราะการใช้จ่ายภาครัฐบาลมีน้ำหนักเพียง 20% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ขณะที่การส่งออก ซึ่งรวมถึงการท่องเที่ยวและการบริการด้วย จะมีสัดส่วนสูงถึง 73% และตัวเลขในอดีตจะเห็นว่า ในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมาไทยมีปัญหาทางการเมืองมาโดยตลอด แต่จีดีพีก็ไม่เคยติดลบเลย มีเพียงปีที่เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกามีปัญหาเท่านั้นที่ทำให้เศรษฐกิจไทยติดลบไปด้วย" นายเอกนิติกล่าว