′เอไอเอส′ รับพิษการเมืองทำกระทบ

′เอไอเอส′ รับพิษการเมืองทำกระทบ

′เอไอเอส′ รับพิษการเมืองทำกระทบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ นายวิเชียร เมฆตระการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส กล่าวถึงกรณีปลุกระดมประชาชนให้ยกเลิกการใช้บริการที่เกี่ยวข้องกับตระกูลชินวัตรของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่ามีบางฝ่ายให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนว่าเอไอเอสมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ทั้งที่ความเป็นจริง พ.ต.ท.ทักษิณขายหุ้นในบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรืออินทัช ที่เป็นบริษัทแม่และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุดของเอไอเอสไปจนหมดนานแล้ว รวมทั้งขอยืนยันได้ว่าเอไอเอสไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับทางการเมืองแต่อย่างใด ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ จนถึงขณะนี้ยอมรับว่ามีลูกค้าของเอไอเอสทยอยมาดำเนินการยกเลิกบริการและขอเปลี่ยนผู้ให้บริการในจำนวนที่มากกว่าปกติจริง 

"จากอัตราการโอนย้ายบริการและยกเลิกบริการของลูกค้าที่มีต่อเอไอเอส ถือว่าได้สร้างความกังวลต่อบริษัทเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านขวัญกำลังใจของพนักงานเอไอเอสที่มีกว่าหมื่นคน ซึ่งเบื้องต้น เอไอเอสจะยังไม่มีการออกแผนยับยั้งปริมาณการโอนย้ายบริการของลูกค้าแต่อย่างใด แต่จะยังเน้นสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ประชาชนเป็นหลัก ไปพร้อมกับการมุ่งมั่นทำงานเพื่อส่งมอบบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าต่อไป" นายวิเชียรกล่าว และว่า ทางการเมืองใช้วิธีเช่นนี้ ส่งผลกระทบต่อตลาดแน่ โดยเฉพาะในด้านความเข้าใจของประชาชนที่มีต่อเอไอเอส เพราะหากลูกค้ายกเลิกการใช้บริการของเอไอเอส เพราะเราให้บริการไม่ดีจริงหรือคู่แข่งมีโปรโมชั่นจูงใจที่เหนือกว่า ยอมรับได้ แต่หากเป็นด้วยสาเหตุนี้จึงยังเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้เท่าใดนัก

นายวิเชียรกล่าวว่า ในส่วนของการที่มีนักลงทุนบางกลุ่มเทขายหุ้นของเอไอเอส รวมไปถึงการที่ราคาหุ้นของเอไอเอสมีการลดลง ทางเอไอเอสไม่ได้กังวลแต่อย่างใด เนื่องจากในเรื่องของหุ้นไม่ได้กระทบสถานะทางการเงินของเอไอเอสแต่อย่างใด เพราะเอไอเอสจะเน้นที่ไปที่รายได้ที่มาจากการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นหลัก 

นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยกรณีที่ กปปส. ได้เดินหน้ากดดันธุรกิจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลชินวัตร ว่า ไม่อยากให้การชุมนุมทางการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องและกระทบกับการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชน อยากให้เอกชนสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ เพราะหากว่าธุรกิจเอกชนได้รับผลกระทบ จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นและบรรยากาศการลงทุน นักลงทุนและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่มีแผนจะลงทุนเมื่อเห็นบรรยากาศไม่ดี จะชะลอการลงทุนไปก่อน และทำให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook