ชี้ "เอสเอ็มอี" ไม่พร้อมเข้าเออีซี กสอ.เผยผลสำรวจได้แค่ 37% การเงินแย่สุดแค่ 4% พอลงทุน

ชี้ "เอสเอ็มอี" ไม่พร้อมเข้าเออีซี กสอ.เผยผลสำรวจได้แค่ 37% การเงินแย่สุดแค่ 4% พอลงทุน

ชี้ "เอสเอ็มอี" ไม่พร้อมเข้าเออีซี กสอ.เผยผลสำรวจได้แค่ 37% การเงินแย่สุดแค่ 4% พอลงทุน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นางอรรชกา สีบุญเรือง อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กล่าวว่า ปี 2556 กสอ.ได้สำรวจข้อมูลของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่เข้าร่วมโครงการเกี่ยวกับกระบวนการทางธุรกิจที่ทำให้ผู้ประกอบการมีความ มั่นใจต่อการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี2558 ปรากฏว่าด้านการผลิต เอสเอ็มอีที่เข้าร่วมโครงการฯมีการพัฒนาเพื่อให้เกิดขีดความสามารถในการผลิต สูง มีทั้งปรับปรุงเครื่องจักรอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัยขึ้น และได้รับการรับรองมาตรฐานสากล ทำให้มีความมั่นใจในการเข้าเออีซี คิดเป็น 37% ของเอสเอ็มอีที่เข้าร่วมโครงการ รองลงมาคือ ด้านสินค้า ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมั่นใจจะเข้าเออีซี คิดเป็น 23% โดยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกลุ่มนี้ได้มีการพัฒนาสินค้าให้มีความหลากหลาย มีคุณภาพ สามารถจัดเก็บสินค้าได้นานขึ้น และพยายามสร้างสินค้าให้เป็นที่รู้จัก

นางอรรชกากล่าวว่า ขณะที่ด้านบุคลากร มีการพัฒนาแรงงานให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญ มีคุณภาพ และมีความชำนาญ ผลสำรวจระบุว่ามีเอสเอ็มอีที่มั่นใจคิดเป็น 13% ส่วนด้านการตลาดสามารถพัฒนาให้มีฐานลูกค้าในประเทศที่มั่นคง มีห่วงโซ่อุปทาน มีการตลาดเชิงรุก และมีการศึกษาข้อมูลการตลาดต่างประเทศ ในประเด็นนี้เอสเอ็มอีมีความมั่นใจ คิดเป็น 12% ส่วนด้านการบริหารจัดการ การมีระบบบริหารที่มีคุณภาพสากล และมีศักยภาพในการกระจายสินค้า เอสเอ็มอีที่ตอบแบบสอบถามว่ามีความมั่นใจ คิดเป็น 11% และสุดท้ายด้านการเงินที่มีการพัฒนาให้มีความพร้อมในด้านการเงินการลงทุน สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ และไม่มีหนี้สินคงค้าง มีเอสเอ็มอีเพียง 4% เท่านั้นที่ตอบว่ามั่นใจ

"จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นว่าเอสเอ็มอีจำ เป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเตรียมความพร้อมเพื่อยกระดับขีดความสามารถของธุรกิจ ทั้งเชิงรุกและเชิงรับให้กับธุรกิจของตนเอง อาทิ ด้านคุณภาพของสินค้า การขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศ ด้านบุคลากรและแรงงานที่ขาดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นหน้าที่ของ กสอ.ในการให้ความช่วยเหลือต่อเนื่อง" นางอรรชกากล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook