ฟิลิปปินส์ ตลาดข้าวแหล่งใหญ่ "ไทย-เวียดนาม" แย่งเค้ก
ฟิลิปปินส์ เป็นหนึ่งในประเทศที่มีการบริโภคข้าวและซื้อข้าวมากที่สุดในโลก เนื่องจากพื้นที่การเพาะปลูกในประเทศมีภูมิศาสตร์เสี่ยงต่อปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติ ทั้งแผ่นดินไหวและพายุรุนแรงขนาดใหญ่
วอลล์สตรีต เจอร์นัล รายงานว่า ฟิลิปปินส์ภายใต้การนำของ ประธานาธิบดีเบนิโญ อาคิโน ตั้งเป้าว่า ฟิลิปปินส์จะเป็นประเทศที่มีการปลูกข้าวเพียงพอต่อการบริโภคในประเทศภายในปี 2558 โดยประเด็นคือ มุ่งช่วยเกษตรกรท้องถิ่น ไม่ให้ได้รับผลกระทบจากภาวะราคาข้าวโลกลดต่ำลง
ด้านนายดันเต้ เดอ ลิมา หัวหน้าโครงการข้าวพอเพียง (Self-Sufficient Program) ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ปัจจุบันฟิลิปปินส์ต้องการนำเข้าข้าวปริมาณ 800,000 ตัน เพื่อรักษาระดับราคาข้าวในประเทศไม่ให้สูงมากเกินไป ซึ่งปัจจุบันมีราคาสูงเกินกว่าราคาตลาดโลก
ทางการยังกังวลอีกว่า หากราคาข้าวยังสูงอย่างต่อเนื่องอาจนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อ เหมือนกับที่เคยเกิดมาแล้วในช่วงปี 2548 ซึ่งผลผลิตข้าวในประเทศปีนี้คาดว่าจะสามารถแตะระดับ 98% ของเป้าที่ 19.06 ล้านตันข้าวเปลือก ซึ่งจะเพียงพอในปีนี้
อย่างไรก็ตาม บรรดานักวิเคราะห์เศรษฐกิจต้องการให้รัฐบาลเพิ่มข้าวในสต๊อก โดยการนำเข้า เพื่อสำรองข้าวให้เพียงพอในระยะเวลาการบริโภค 90 วัน และให้ราคาข้าวในประเทศมีความเสถียร หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ
"การสำรองข้าวเพื่อช่วยไม่ให้ประเทศต้องเผชิญกับช่วงเวลายากลำบากในเรื่องราคา ข้าวทำได้ยาก เพราะส่วนหนึ่งหน่วยงานอาหารแห่งชาติต้องนำข้าวไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่าง ต่อเนื่องจำนวน 500,000 ตันทำให้ผลผลิตข้าวในสต๊อกลดลง ซึ่งตามทฤษฎีแล้วรัฐบาลฟิลิปปินส์จะต้องเก็บข้าวไว้ให้ถึงระดับที่พอเพียง ต่อการบริโภคอย่างน้อย 3 เดือน" นักวิเคราะห์เศรษฐกิจกล่าว
ด้านองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือเอฟเอโอ คาดการณ์ว่าฟิลิปปินส์จะนำเข้าข้าวมากถึง 1.2 ล้านตัน หลังจากที่เคยนำเข้าข้าวในปริมาณมากกว่า 2.8 ล้านตันในปี 2551 และ 1 ล้านตันในปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ มีรายงานจากทางการฟิลิปปินส์ว่าเร็ว ๆ นี้ทางการฟิลิปปินส์จะมีการนำเข้าข้าวฉุกเฉินเพิ่มเติมอีก 800,000 ตัน อย่างไรก็ตาม การนำเข้าข้าวฉุกเฉินดังกล่าวยังมาไม่ถึงฟิลิปปินส์
สำหรับรัฐบาลฟิลิปปินส์ ก่อนปี 2556 ได้อนุญาตให้นำเข้าข้าวได้เพียง 350,000 ตันเท่านั้น ซึ่งเป็นไปตามโควตาปริมาณนำเข้าขั้นต่ำ (Minimum Access Volume : MAV) ขององค์การการค้าโลกที่อนุญาตให้เก็บภาษีนำเข้าข้าวได้ที่ 40% หากนอกเหนือจากโควตาแล้วจะเก็บภาษีที่ 50%
ดังนั้น ทางหน่วยงานรัฐอย่างหน่วยงานอาหารแห่งชาติ จึงยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการสำหรับการนำเข้าข้าวในปีนี้ รวมไปถึงยังไม่มีการเปิดเผยใด ๆ ถึงการประมูลนำเข้าข้าวอีกด้วย
นอกจากนี้ ประมาณต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นายโปรเซโซ อัลกาลา รัฐมนตรีการเกษตรของฟิลิปปินส์ กล่าวว่าการนำเข้าข้าวในปีนี้จะต้องเป็นไปในลักษณะสัญญาระหว่างรัฐบาลต่อ รัฐบาลเท่านั้น ซึ่งการทำสัญญาซื้อขายลักษณะดังกล่าวเวียดนามชนะไทยในการประมูลการส่งข้าว ให้กับฟิลิปปินส์จำนวน 500,000 ตันในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่ทั้งไทยและเวียดนามต่างจับตามอง เพราะเป็นตลาดส่งออกข้าวชั้นดีที่มีดีมานด์สูง