ททท.ทุ่มงบ 20 ล้านจัดสงกรานต์ 13 พื้นที่
ททท.ทุ่มงบฯ 20 ล้านบาทจัดสงกรานต์ 13 พื้นที่ ไม่หวั่นกรณีสิงคโปร์เตรียมจัดงานสงกรานต์เป็นงานใหญ่ดึงนักท่องเที่ยว เชื่อประเพณีสงกรานต์ในไทยมีเอกลักษณ์ ด้านข้าวสารปิดถนนจัดงานเล่นน้ำ 4 วัน มั่นใจประเพณีสงกรานต์ในไทยมีความหมายดึงนักท่องเที่ยวได้
นางวิไลวรรณ ทวิชศรี รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า การจัดงานเย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์ในปีนี้ ททท.ใช้งบประมาณ 20 ล้านบาทจัดงานใน 13 พื้นที่ ได้แก่ เชียงใหม่ สุโขทัย พระนครศรีอยุธยา หนองคาย นครพนม ขอนแก่น กทม.(วิสุทธิกษัตริย์ บางลำพู) พระประแดง ภูเก็ต สมุย หาดใหญ่ พัทยา และสุพรรณบุรี โดยให้ความสำคัญเรื่องน้ำสำคัญกับชีวิตคนไทยตั้งแต่เกิดจนตายและความสงบสุขร่มเย็น เน้นประเพณีวิถี วันแห่งความรักความสุขของครอบครัว ลูกหลานกลับบ้านไปรดน้ำขอพร ไปทำบุญที่บ้านเกิด
สำหรับปัญหาการเมืองในประเทศไทยนั้น ททท.มอบหมายให้สำนักงานในต่างประเทศสื่อสารไปตามข้อเท็จจริงว่าประเทศไทยไม่ใช่แค่กรุงเทพฯ ยังมีอีกหลายพื้นที่สามารถเข้าร่วมประเพณีสงกรานต์ได้ โดยขณะนี้พบว่าสงกรานต์ปีนี้มีการตอบรับดี โดยเฉพาะภาคเหนือช่วงนี้ตัวเลขการจองโตถึงร้อยละ 70 และคาดว่าสงกรานต์เต็มแน่นอน โดยสำนักงาน ททท.ภาคเหนือ ยืนยันเข้ามาและภาคต่าง ๆ ก็เช่นกัน เพราะขณะนี้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ยกเลิกไปแล้ว
ทั้งนี้ ในช่วงสงกรานต์ตั้งเป้าหมายนักท่องเที่ยว 4.4 ล้านคน เป็นคนไทย 4 ล้านคน และต่างชาติ 4 แสนคน รายได้ 4.7 หมื่นล้านบาท
ส่วนกรณีสิงคโปร์กำหนดจัดงานสงกรานต์เป็นงานใหญ่นั้น นางวิไลวรรณ กล่าวว่า ไม่ได้มองว่าเป็นอุปสรรค ซึ่งตั้งแต่ รมว.ท่องเที่ยวฯ ผู้ว่าการฯ ททท. ก็ให้มองเป็นแง่บวก ถือเป็นการช่วยโปรโมทสงกรานต์ของประเทศไทย เพราะจริง ๆ สิ่งที่สิงคโปร์ทำนั้นเป็นเรื่องของออร์กาไนเซอร์ผู้จัดงาน ในลักษณะการจัดงานปาร์ตี้ ขายบัตร ไม่ได้เปิดให้คนทั่วไปเข้าไปเที่ยว และมีการแสดงคอนเสิร์ต โชว์มวย สุดท้ายจบลงที่เล่นน้ำ จำกัดคนเข้าชมงานไม่ได้กว้างเหมือนประเทศไทย
ด้านนายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจถนนข้าวสาร กล่าวว่า สงกรานต์ปีนี้ที่ถนนข้าวสารจัดงานและปิดถนนเล่นน้ำ4 วัน ตั้งแต่เสาร์ที่ 12-15 เมษายน ซึ่งปีนี้นักท่องเที่ยวบนถนนข้าวสารคงจะน้อยกว่าปีที่แล้ว แม้จะมีการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไปแล้ว แต่นักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์ยังไม่กลับมา เพราะต้องใช้ระยะเวลา
"ดูบุ๊คกิ้งสงกรานต์ปีที่แล้วร้อยละ 80 แต่ปีนี้ประมาณ 50 คาดนักท่องเที่ยวคงกลับมาแต่ไม่ถึงกลับไประดับเดิมของปีที่แล้ว ยุโรปต้องวางแผนเดินทางยาว เวลามาพักเมืองไทย 7 วันอย่างน้อย แต่กลับมาเร็วคือเอเชีย ใช้ 3-4 วัน อีกกลุ่มนักท่องเที่ยวออนไลน์มาเยอะขึ้น สามารถจองและเดินทางมาได้เลย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กระตุ้นให้นักท่องเที่ยวกลับมาเร็วขึ้น กลุ่มเอฟไอทีจะเร็วที่สุด" นายสง่า กล่าว
ส่วนที่สิงคโปร์จัดงานสงกรานต์นั้น เป็นการช่วงชิงการตลาดในช่วงที่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยังไม่ได้ยกเลิก นักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์ไม่สามารถมาประเทศไทยได้ เนื่องจาก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถูกบังคับใช้ และประกันไม่รับผิดชอบ บริษัททัวร์ต่างประเทศจะต้องขายทัวร์ ก็ต้องขายไปที่อื่น สิงคโปร์เลยต้องใช้ช่องว่างตรงนี้เอาเทศกาลไทยไปขายโปรโมทเพื่อดึงนักท่องเที่ยวไปสัมผัสอะไรที่เป็นไทย ๆ ที่สิงคโปร์
"ใช้ช่องว่างของกฎหมายเราที่มีปัญหาการเมืองในการทำตลาด แต่เชื่อว่าคงไม่มีนักท่องเที่ยวที่จะไปสงกรานต์จริง ๆ ที่สิงคโปร์เท่าไร หรือถ้ามีคงจำนวนน้อยมาก ขณะที่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยกเลิกแล้ว เราเชื่อว่านักท่องเที่ยวจะกลับมามากขึ้น เราเป็นออริจินัล สิงคโปร์ไม่สามารถเลียนแบบได้ เพราะคนเขาไม่ซึมซับในวัฒนธรรมสงกรานต์ สร้างขึ้นมาเพื่อการตลาด ฝรั่งจะสัมผัสได้เราเล่นกันด้วยใจ ไม่ใช่เอาน้ำมาสาดกัน แต่เหตุผลคืออะไร เราไม่ได้มองสิงคโปร์เป็นคู่แข่งเลย" นายสง่า กล่าว