ราคาน้ำมันดิบปรับลด หลังโดนกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอจากจีนและยุโรป

ราคาน้ำมันดิบปรับลด หลังโดนกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอจากจีนและยุโรป

ราคาน้ำมันดิบปรับลด หลังโดนกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอจากจีนและยุโรป
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หลังการรายงานดัชนีชี้วัดภาคการผลิต(PMI)ของจีนและยุโรปที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าระดับที่คาดการณ์ไว้ เป็นการส่งสัญญาณให้เห็นว่าเศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญกับการชะลอตัวลง นอกจากนั้นแล้วภาคอุตสาหกรรมของยุโรปยังเผชิญกับปัญหาการยอดขายที่ยังไม่สูงขึ้นตามที่ได้วางแผนไว้

- นอกจากนั้นแล้วกลุ่มผู้ประท้วงในประเทศลิเบียเปิดเผยว่าจะมีการเปิดท่าเรือขนส่งน้ำมันดิบในเร็วนี้ หลังจากการกลับมาเจรจากันอีกครั้งของกลุ่มผู้ประท้วงกับรัฐบาลในเรื่องของการเปิดท่าเรือขนส่งน้ำมันดิบ 3 แห่ง ซึ่งมีความสามารถในการรองรับการส่งออกน้ำมันดิบได้ถึง 600,000 บาร์เรลต่อวัน โดยผลของการปิดท่าเรือนั้นทำให้ปริมาณการส่งออกของลิเบียในช่วงที่ผ่านมาปรับลงไปต่ำกว่าระดับ 100,000 บาร์เรลต่อวัน

+ สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานของสหรัฐฯ (API) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 28 มี.ค. 14 ปรับลดลงกว่า 5.8 ล้านบาร์เรลสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล สาเหตุเนื่องมาจากการนำเข้าน้ำมันดิบที่น้อยลงและอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้นเล็กน้อย นอกจากนั้นปริมาณน้ำมันดิบคงคลังที่คุชชิ่ง โอคลาโฮมา ยังปรับลดลง 1.5 ล้านบาร์เรลต่อเนื่องจากในสัปดาห์ก่อนหน้า

+ ดัชนีภาคการผลิตสหรัฐฯ (ISM) เดือน มี.ค. 14 ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 53.7 โดยเพิ่มขึ้นจากในดือน ก.พ. 14 ที่ระดับ 53.2 โดยสาเหตุเนื่องจากยอดคำสั่งซื้อทั้งจากในและนอกประเทศปรับเพิ่มขึ้น ประกอบกับผลผลิตที่สูงขึ้นหลังจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นใน 2 เดือนก่อนหน้าทำให้การผลิตลดลง

- ความตึงเครียดระหว่างชาติตะวันตกและตะวันออกลดลง หลังรัสเซียถอนกำลังทหารบริหารชายแดนติดกับยูเครนออกไปเมื่อวันก่อนหน้า

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปทานในภูมิภาคเอเชียเริ่มตึงตัวหลังโรงกลั่นหลายแห่งอยู่ระหว่างการปิดซ่อมบำรุง

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปสงค์ที่ปรับตัวสูงขึ้นจากฟิลิปปินส์และตะวันออกกลาง ประกอบกับอุปทานในภูมิภาคเอเชียเริ่มตึงตัวมากขึ้นหลังโรงกลั่นหลายแห่งอยู่ระหว่างการปิดซ่อมบำรุง อย่างไรก็ตามราคาอาจถูกกดดันโดยการส่งออกที่สูงขึ้นจากจีนหลังความต้องการใช้ในประเทศลดลง

ทิศทางราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้

ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 96 - 104 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 105-111 เหรียญฯ

ปัจจัยที่น่าจับตามองสัปดาห์นี้

ความไม่แน่นอนของมาตรการณ์คว่ำบาตรรัสเซียโดยสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปยังคงสร้างความกังวลต่อตลาดน้ำมัน หลังล่าสุดมีข่าวว่าสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปกำลังหารือที่จะยกระดับการคว่ำบาตรรัสเซียให้สูงขึ้น อย่างไรก็ดี บางฝ่ายมองว่าอาจจะยากที่สหภาพยุโรปจะทำได้เพราะปัจจุบันยุโรปพึ่งพาการนำเข้าแก๊สธรรมชาติจากรัสเซียมากถึง30%

จับตาว่ากำลังผลิตน้ำมันดิบของลิเบียจะกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้งได้เมื่อไร หลังล่าสุดการผลิตปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 150,000 บาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้ เฝ้าติดตามว่าบริษัทน้ำมัน Shell จะกลับมาส่งออกน้ำมันดิบจากไนจีเรียอีกครั้งเมื่อไหร่ หลังสัปดาห์ที่ผ่านมาประกาศหยุดขายกระทันหันเนื่องจากมีปัญหาการขโมยน้ำมันจากท่อส่งน้ำมัน

ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระดับสูง เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันดิบที่ลดลงในช่วงฤดูการปิดซ่อมโรงกลั่น อย่างไรก็ดี ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังที่คุชชิ่ง โอคลาโฮมา ยังปรับลดลงต่อเนื่องหลังท่อขนส่งน้ำมันดิบ Key Stone เปิดใช้ไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหภาพยุโรปในวันที่ 3 เม.ย. นี้ ว่านายมาริโอ้ ดรากี้ ประธานธนาคารกลางฯ จะมีมุมมองต่อภาพรวมเศรษฐกิจของกลุ่มสหภาพยุโรปอย่างไร ซึ่งอาจกระทบต่อการตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยต่อไปที่ระดับปัจจุบันที่ 0.25%

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook