ผู้ส่งออกเปิดศึกแย่งตู้คอนเทนเนอร์ เร่งส่งสินค้าก่อนสงกรานต์ หลังขาดแคลนเหตุใน ปท.ชะลอบริโภค

ผู้ส่งออกแย่งตู้คอนเทนเนอร์ส่งสินค้าก่อนสงกรานต์ พบปริมาณเริ่มขาดแคลน เหตุในประเทศชะลอบริโภค ห่วงกระทบส่งออกระยะยาวไร้ออเดอร์สั่งนำเข้าทุน เจ้าของเรือแห่ปรับราคาแล้ว 20% บางรายยอมให้เงินเพิ่ม 500 เหรียญฯต่อตู้หวังส่งของลูกค้าให้ทันตามกำหนด

นายคงฤทธิ์ จันทริก ผู้อำนวยการบริหาร สภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ผู้ส่งออกไทยเริ่มประสบปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์สำหรับบรรจุสินค้าส่งออกไปยังประเทศคู่ค้า เนื่องจาก 2 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-กุมภาพันธ์) ปริมาณการนำเข้าสินค้าไทยลดลง 16% จนปริมาณตู้ของสายเรือต่างชาติที่จะตีกลับมีปริมาณน้อย ส่งผลให้เจ้าของหรือตัวแทนบริษัทสายเดินเรือที่ให้บริการรับส่งสินค้าทางเรือ ปรับขึ้นราคาในระยะสั้นๆ เฉลี่ย 10-20% หรือผู้ส่งออกบางรายต้องการตู้อย่างเร่งด่วนเพื่อส่งสินค้าได้ตามกำหนดเวลาอาจเพิ่มเงินอีกตู้ละ 500 ดอลลาร์สหรัฐต่อเที่ยว

นายคงฤทธิ์กล่าวว่า "เฉพาะค่าใช้จ่ายค่าตู้ในช่วงปกติของผู้ส่งออกหากขนสินค้าไปเส้นทางสหรัฐ จะอยู่ที่ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อตู้ต่อเที่ยว ส่วนยุโรปอยู่ที่ 850-900 ดอลลาร์ต่อตู้ เพื่อเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าผู้ส่งออกเจรจาหาตู้ล่วงหน้าแล้ว แต่หากไม่เพียงพอจริงๆ ตัวแทนบริษัทสายเดินเรือจะเจรจาเช่าตู้สินค้าบริเวณท่าเรือของประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สิงคโปร์หรือฟิลิปปินส์ ซึ่งจะทำให้ผู้ส่งออกไทยต้องมีภาระในการจ่ายเพิ่มอีก

ที่ผ่านมาไทยจะมีการนำเข้าสินค้าเข้ามาจึงไม่มีปัญหาเรื่องของปริมาณตู้ แต่ใน 2 เดือนมานี้ปริมาณนำเข้าน้อยมากเพราะส่วนหนึ่งมาจากมีการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคมาจำหน่ายในไทยน้อยลงจากปัญหาการชะลอตัวของภาคบริโภค รวมถึงการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและเครื่องจักรลดลงเช่นกัน ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องแย่งกันเช่าตู้ บางรายยอมให้ราคาดีเพราะไม่ต้องการผิดนัดการส่งสินค้า เนื่องจากเรื่องของการส่งสินค้าไม่ทันจะมีผลเสียหายทางธุรกิจมาก

คาดว่าสถานการณ์การขาดแคลนตู้ส่งสินค้าจะเป็นปัญหาในระยะสั้น เพราะผู้ส่งออกต้องเร่งส่งสินค้าก่อนสงกรานต์ ซึ่งจะมีวันหยุดยาว เชื่อว่าหลังสงกรานต์แล้วสถานการณ์ขาดแคลนตู้จะหมดไป และราคาจะกลับมาอยู่ในระดับเดิมหรือสูงกว่าระดับเดิมเพียงเล็กน้อย แต่เป็นกังวลว่าหากการนำเข้าสินค้าทุนลดลงอาจกระทบต่อศักยภาพการส่งออกของไทยในระยะยาวได้ เพราะหากไม่มีการลงทุนเพิ่มจะทำให้ภาคการผลิตขาดการพัฒนาเทคโนโลยี"

นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ได้รายงานนโยบายการเศรษฐกิจ การค้า ที่มีผลกระทบต่ออาเซียนและไทยว่า หลายฝ่ายมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวดีขึ้นในปีนี้ โดยคาดการณ์ว่าจีดีพี (ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศสหรัฐ) จะขยายตัว 3% ขณะที่ไทยตั้งเป้าหมายการส่งออกตลาดสหรัฐคาดว่า จะมีมูลค่า 23,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือขยายตัว 3%

นางสมจินต์ เปล่งขำ ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก กล่าวว่า สหรัฐเป็นตลาดใหญ่ประกอบด้วยผู้บริโภคที่หลากหลาย ทำให้ตลาดเป็นที่น่าสนใจของผู้ส่งออกทั่วโลก การบริโภคภายในประเทศคิดเป็น 70% ของจีดีพี จากปัจจัยดังกล่าวทำให้ผู้ขายมีความต้องการที่จะสรรหาสินค้าที่โดดเด่นมาจำหน่ายในตลาด และประเทศไทยค่อนข้างได้เปรียบในสินค้ากลุ่มอาหารมาก เพราะผู้นำเข้าหรือตัวแทนจำหน่ายรู้จักไทยเป็นอย่างดี