มากกว่าร้านไอศกรีม "โคล สโตน" เปิดโมเดล "คาเฟ่"
Thailand Web Stat

มากกว่าร้านไอศกรีม "โคล สโตน" เปิดโมเดล "คาเฟ่"

มากกว่าร้านไอศกรีม "โคล สโตน" เปิดโมเดล "คาเฟ่"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"โคล สโตน ครีมเมอรี่" ร้านไอศกรีมชื่อดังจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งเข้ามาเปิดตลาดในไทยตั้งแต่ปี 2553 ผ่านทางแฟรนไชซี "เซ็นทรัล เรสตอรองส์" หรือซีอาร์จี ผ่านมากว่า 4 ปี ขณะนี้โคล สโตนฯ อยู่ระหว่างเตรียมเปิดโมเดลใหม่ในรูปแบบ "คาเฟ่"

ปัจจุบัน โคล สโตนฯ มี 17 สาขาทั่วประเทศ "วชิราภรณ์ วานิชชัย" ผู้จัดการทั่วไป แบรนด์โคล สโตน ครีมเมอรี่ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด ระบุว่า โคล สโตนฯ มีแผนพัฒนาร้านในโมเดล "ไลฟ์สไตล์ช็อป" ที่นอกจากจะมีไอศกรีมเป็นเมนูหลักแล้ว ยังมีอาหารอื่น ๆ อาทิ เบเกอรี่ ฯลฯ เพื่อเพิ่มโอกาสการขาย สอดรับพฤติกรรมคนเมืองปัจจุบัน และตามแผนพร้อมในปีหน้าเซ็นทรัลเวิลด์

ก่อนนี้ โคล สโตนฯได้ลองเปิดมุมกาแฟสดและมีการตอบรับที่ดี ช่วยเติมยอดขายระหว่างวันให้มากขึ้น จากปกติที่ลูกค้าจะเข้ามาทานไอศกรีมช่วง 6 โมงเย็น

เธอเล่าว่า นอกจากการเพิ่มเมนูวาไรตี้แล้ว อีกเป้าหมายหลักก็คือการขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น จากเดิมเป็นคนไทยที่เคยทานโคล สโตนฯในต่างประเทศถึง 90% โดยเน้นพัฒนาสินค้าใหม่ให้ตอบโจทย์รสชาติที่คนไทยชื่นชอบ

ปัจจุบัน โคล สโตนฯ มี 3 เมนู ได้แก่ รัมเรซิ่น เซนเซชั่น, ช็อกโก แมคคาเดเมีย และช็อกโก มาช แคนดี้ ด้วยช็อกโกแลตที่เป็นรสชาติที่คนไทยชื่นชอบ นอกเหนือจาก "ซิกเนเจอร์ เมนู" 20 เมนู ซึ่งเหมือนกันทุกสาขาทั่วโลก

"นอกจากลูกค้าชาวไทย เมนูเหล่านี้ยังสามารถเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าต่างชาติ เพราะไม่สามารถหาทานรสชาติเหล่านี้ได้ในประเทศอื่น ๆ โดยในทุก 45 วัน หรือ 2 เดือน เราจะมีการเปิดตัวเมนูใหม่เพื่อสร้างความหลากหลาย ถ้าเมนูไหนได้รับการตอบรับที่ดีก็จะกลายเป็นเมนูประจำ"

นอกจากเมนู บริษัทก็มีแผนจัดโปรโมชั่น "ราคา" อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน โดยเป็นโปรโมชั่นส่วนลดสำหรับนักเรียน นักศึกษา และพนักงานบริษัท รับส่วนลดทันที 15% เมื่อแสดงบัตรประจำตัวก่อนซื้อไอศกรีมซิกเนเจอร์เมนูทุกวันจันทร์-ศุกร์ หรือรับส่วนลดถ้วยที่สอง 50%

เมื่อซื้อไอศกรีมถ้วยแรกในราคาปกติ ในเวลา 11.00-16.00 น. ทุกวันจันทร์-ศุกร์ ซึ่งเริ่มตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพื่อดึงลูกค้าหน้าใหม่ๆ

Advertisement

"คนจะมองว่าโคล สโตนฯ แพงกว่าคู่แข่ง เราจึงต้องการกระตุ้นลูกค้าในกลุ่มนักเรียน นักศึกษาและวัยทำงานให้เพิ่มขึ้น 30% รวมทั้งการออกเมนูมะม่วง ซัมเมอร์พาราไดซ์ รับหน้าร้อน ที่เป็นโอกาสในการทำยอดขายของร้านไอศกรีม"

และเพื่อเข้าถึงลูกค้าในวงกว้างมากขึ้น ปีนี้ยังเดินหน้าเปิดสาขาใหม่ๆ มองไปที่ต่างจังหวัดมากขึ้นตามการขยายตัวของศูนย์การค้า โดยเฉพาะในหัวเมืองท่องเที่ยว ปีนี้อาจเปิดเพิ่มเติมอีก 2-3 สาขา และคาดว่าจะมีมากกว่า 30 สาขาภายใน 5 ปี จากปัจจุบันโคล สโตนฯ มี 17 สาขา 2 แห่งอยู่ในต่างจังหวัด

เช่นเดียวกับการสร้างแบรนด์ก็เป็นอีกภารกิจ สำคัญ ในปีนี้บริษัทวางงบฯ การตลาด 10% ของยอดขาย โดยจะเน้นสื่อประเภทนิตยสาร สื่อออนไลน์ อีเวนต์ รวมถึงทำซีเอสอาร์ ซีอาร์เอ็ม เพื่อมัดใจผู้บริโภค

ในส่วนผลกระทบจากสถานการณ์การเมือง "วชิราภรณ์" ระบุว่า จากเดิมที่มีแผนจัดอีเวนต์ใหญ่ครบรอบ 4 ปี ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ก็ต้องเลื่อนไปเป็นช่วงไตรมาส 3-4 ซึ่งจะมีการเปิดแคมเปญและโปรโมชั่นพิเศษในโอกาสที่ก้าวสู่ปีที่ 5 ของโคล สโตนฯ

"พฤติกรรมลูกค้าโคล สโตนฯ เป็นกลุ่มบีบวก ไม่กังวลเรื่องราคา ปัญหาเศรษฐกิจจึงไม่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อ แต่เรื่องมู้ดในการบริโภคเป็นปัจจัยสำคัญ"

จากสถานการณ์การเมืองที่ผ่านมา โคล สโตนฯ มีสาขาที่ได้รับผลกระทบ 10 สาขา โดยเฉพาะเดือนกุมภาพันธ์ที่ถือเป็นช่วงที่แย่ที่สุด แต่ในช่วงมีนาคม-เมษายนก็เป็นโอกาสของร้านไอศกรีม จากหน้าร้อนและปิดเทอม รวมทั้งภาวะการเมืองที่ดูผ่อนคลายลง

"ปีนี้ถ้าไม่มีสถานการณ์ที่รุนแรงหรือปัจจัยลบอื่นๆ เกิดขึ้น โคล สโตนฯ จะทำรายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 30%"

เป้าหมายในอนาคตของโคล สโตนฯ คือ การก้าวสู่เบอร์ 1 ตลาดไอศกรีมซูเปอร์พรีเมี่ยม ภายใน 5 ปี ทั้งในแง่สาขาและรายได้ ซึ่งคิดเป็น 8-10% ของตลาดไอศกรีมพรีเมี่ยม 5,000 ล้านบาท

แม้เป็นภารกิจที่ท้าทายแต่เธอเชื่อว่าไม่ไกลเกินเอื้อม ด้วยพลังของแบรนด์ "โคล สโตน ครีมเมอรี่" ที่สู้คู่แข่งทุกรายได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
kookkak

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดบน
เว็บไซต์ของเรา โปรดศึกษาเพิ่มเติมที่
นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้