เบเกอรี่สุดชิก! เคลื่อนทัพบุกไทย

นับวันธุรกิจ "เค้ก & เบเกอรี่" และขนมหวานนานาประเภท จะยิ่งมีความคึกคักและมีสีสันมากขึ้น

ที่ผ่านมาแม้ว่าร้านเหล่านี้จะเปิดให้บริการตามศูนย์การค้า คอมมิวนิตี้มอลล์แทบทุกมุมเมือง แต่ด้วยความหอมหวานของธุรกิจที่นับวันจะเติบโต ก็ยังมีร้านแบรนด์ใหม่ๆ จากทั้งในประเทศและต่างประเทศทยอยเข้ามาเปิดให้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยเกื้อหนุน

มาจากการเติบโตของภาวะเศรษฐกิจที่ส่งผลให้ประชากรมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น และผู้บริโภคมีการใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัย ต้องใช้เวลานอกบ้านมากขึ้น ล้วนเป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการเติบโตของธุรกิจร้านขนมในประเทศไทย

ความเคลื่อนไหวล่าสุด "คชาบราเธอร์" เจ้าของร้านไอศกรีมและขนมหวานที่มีร้านอยู่ในความดูแลหลาย แบรนด์ อาทิ ร้านไอศกรีม สฟรี, เบเกอรี่สไตล์ญี่ปุ่น เกียว โรล เอ็น เพิ่งเปิดตัวแบรนด์น้องใหม่ที่พัฒนาขึ้นเอง โดยใช้ชื่อว่า "พาสเทล" เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

แต่หนนี้แปลกตาไปจากแบรนด์ไอศกรีมและขนมหวานสไตล์ญี่ปุ่นที่มีอยู่เดิมทั้ง 5 แบรนด์ โดย "พาสเทล" สลัดภาพขนมหวานแดนอาทิตย์อุทัยไปสู่เมืองน้ำหอมอย่างเต็มตัว ตกแต่งร้านด้วยคอนเทนเนอร์ สร้างบรรยากาศริมถนนในปารีส เข้ากับเอแคลร์ ขนมหวานสไตล์ฝรั่งเศสกว่า 30 แบบ ที่เป็นเมนูหลักของร้าน เปิดสาขาแรกที่สยามพารากอน

ขณะที่กลุ่มเซน เรสเตอรองส์ กรุ๊ป เจ้าของแบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่นเซน หลังจากที่เปิดให้บริการร้านขนมหวาน "ปา ติชิเย่ โมริ โอซาก้า" สาขาแรกที่อาร์ซีเอมากว่า 2 ปี กลางปีนี้ก็อาจจะได้เห็นสาขาที่ 2 แม้รูปลักษณ์อาจจะไม่แปลกตาด้วยร้านสไตล์ญี่ปุ่น แต่ก็เน้นจุดเด่นของเค้กแคลอรี่ต่ำ ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคปัจจุบัน

"ดร.วัลลภัช แก้วอำไพ" ผู้อำนวยการบริหารกลุ่มบริหารกลยุทธ์องค์กร บริษัท เซน เรสเตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า พฤติกรรมผู้บริโภคที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะพฤติกรรมผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นผู้หญิงที่นิยมรับประทานขนม หวาน แต่อาจมีความกังวลเรื่องสุขภาพ ก็เป็นโอกาสของร้านโมริที่จะเปิดให้บริการเพิ่มที่สยามสแควร์วัน ซึ่งน่าจะได้เห็นในช่วงไตรมาส 2 นี้

"เราไม่เน้นการรีบเปิดสาขา เพราะแม้ตลาดขนมหวานจะมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี แต่ก็ไม่หวือหวา อีกทั้งขนมหวานของโมริก็มีการจำหน่ายในร้านอาหารในเครือเซ็นอยู่แล้ว"

นอกจาก ร้านขนมหวานสัญชาติไทยดังกล่าว โอกาสการเติบโตของธุรกิจขนมหวานในไทยยังดึงดูดแบรนด์ต่างชาติให้เข้ามา อาทิ ร้านขนมหวานระดับพรีเมี่ยมสัญชาติฝรั่งเศสอย่าง "ฟัวชอง" ที่มาเปิดแฟลกชิปสโตร์เป็นแห่งแรกของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กรูฟ แอทเซ็นทรัลเวิลด์ และมีแผนเปิดสาขาต่อไปที่สยามพารากอน

"สวภัทร์ พิมพ์ใจชน" ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัท ทีเตชา (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ได้สิทธิ์ดำเนินกิจการร้านฟัวชองในประเทศไทย กล่าวว่า ด้วยเห็นโอกาสของการเติบโตธุรกิจร้านขนมหวานในไทยที่คนไทยเข้าถึง อินเทอร์เน็ตและเดินทางไปต่างประเทศมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคมีประสบการณ์กับขนมต่างชาติมากขึ้น ก็เป็นโอกาสของแบรนด์ขนมหวานจากต่างชาติในอนาคตที่จะเข้ามาอีกหลายแบรนด์

"ฟัวชองมีความต่างตรงที่เป็นร้านขนมฝรั่งเศส ซึ่งมีขนมที่เป็นซิกเนเจอร์อย่างมาการองและเอแคลร์ ทั้งนี้ ในโอกาสที่เรามาเปิดในเมืองไทย จึงได้มีการพัฒนาเอแคลร์ที่เป็นซิกเนเจอร์ของเมืองไทยขึ้นมา ซึ่งมีชื่อว่าเอแคลร์อยุธยา ที่จะใช้มะพร้าวเป็นไฮไลต์ ผสมผสานเอแคลร์กับความเป็นไทยด้วย"

รวมทั้งการเข้ามาร่วมทุนกับชาว ไทยของ "คาโอรุ อิมาอิ" เจ้าของร้านครัวซองโดนัท นิวยอร์ค จากญี่ปุ่นที่เข้ามาทดลองตลาดในไทย เนื่องจากมองเห็นโอกาสของร้านขนมหวานในไทยที่ยังมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีก มาก โดยการนำเสนอความแปลกใหม่ โดนัทครัวซอง ซึ่งตอบโจทย์ในเรื่องสุขภาพมากขึ้น เพราะใช้การอบแทนการทอด

"ขนมญี่ปุ่นแท้ๆ อาจจะไม่ได้รับความนิยมเท่ากับขนมญี่ปุ่นประยุกต์ที่มีพื้นฐานของขนมตะวันตก เข้ามาด้วย กลุ่มคนที่นิยมขนมหวานคือวัยรุ่น โดยเฉพาะผู้หญิง เรื่องของสุขภาพจึงเป็นจุดขายที่ดี"

"คาโอรุ" ตั้งใจว่าจะเปิดร้านครัวซองโดนัท นิวยอร์ค ในศูนย์การค้า และมีแผนจะเปิดให้ได้ 50 สาขา ในห้างสรรพสินค้า ภายใน 3-5 ปี โดยจะได้เห็นสาขาแรกในเดือนสิงหาคมหรือกันยายนนี้ พร้อมกันนี้เขายังมองการณ์ไกลด้วยการเล็งขยายสาขาออกไปต่างจังหวัดด้วย

นี่อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของสงครามขนมหวานที่กำลังจะเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น