วิธีออมเงินเพื่อลูกรัก

วิธีออมเงินเพื่อลูกรัก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในสัปดาห์นี้มาดูกันว่าในวัยสร้างครอบครัวที่เราทุกคนต่างทำเพื่อลูกนั้น มีวิธีการออมแบบไหนบ้างที่ตอบโจทย์การออมเงินให้เหมาะสมกับเวลาใช้เงินของลูกเราบ้าง ซึ่งในบทความนี้จะยกตัวอย่างเรื่องการออมเงินเพื่อเป็นทุนการศึกษาของลูก โดยมีเป้าหมายเป็นตัวเลขค่าเทอมว่าแต่ละช่วงอายุนั้นใช้จำนวนเท่าไหร่ วิธีที่ดีที่สุดควรแยกบัญชีเงินเพื่อการศึกษาของลูกส่วนนี้ออกมาต่างหาก เพื่อกันเราสับสนหรือแอบหยิบไปใช้ โดยวิธีการเหล่านี้เป็นเพียงทางเลือกเท่านั้น ซึ่งควรนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละครอบครัว

เราแบ่งเวลาการออมออกเป็น 3 ระยะ คือ

การออมระยะสั้น
• เป็นการออมเงินเพื่อใช้จ่ายในช่วงสั้นกับเรื่องรายจ่ายจิปาถะต่างๆ เช่น ค่าขนม ค่าโทรศัพท์ ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าเรียนพิเศษ ค่าไปเที่ยวเพื่อสร้างพัฒนาการ ฯลฯ ซึ่งเป็นเงินที่ใช้จ่ายต่างๆทั่วไป รูปแบบเงินออมควรอยู่กับสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องหรือเรียกง่ายๆว่าจะถอนออกมาใช้เมื่อไหร่ก็ได้

• ตัวอย่างการออมระยะสั้น การฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง ถ้าลูกเราโตขึ้นจนสามารถรับผิดชอบอะไรได้บ้างแล้วควรให้เงินส่วนนี้เป็นก้อนเพื่อจะได้รู้จักวิธีจัดการเรื่องเงินเองได้ เช่น จากที่ให้ค่าขนมเป็นรายวันก็เป็นรายสัปดาห์และรายเดือน ถ้าลูกใช้หมดก่อนครบกำหนดก็จะต้องมาดูว่าใช้ไปกับอะไรบ้าง ฝึกให้คิดว่าจะทำอย่างไรให้เงินพอใช้

การออมระยะปานกลาง
• เป็นการออมเพื่อเป็นค่าเทอมในระดับอนุบาลจนกระทั่งเรียนจบมัธยมปลาย ซึ่งต้องใช้วินัยในการออมเงินค่อนข้างสูงโดยจะเป็นการออมในลักษณะบังคับห้ามขาย เช่น LTF ที่กำหนดให้ขายเมื่อถือครบ 5 ปีเท่านั้น

• ตัวอย่างการออมเพื่อการศึกษาโดยใช้ LTF โดยเริ่มสะสมเงินขณะที่ลูกอายุ 1 ขวบเพื่อเป็นค่าเทอมให้ลูกเรียนชั้นอนุบาล(อายุ 5 ปี) การออมลักษณะนี้จะได้รับประโยชน์ 2 ต่อ คือ เก็บเป็นค่าเทอมลูกแล้วยังได้ลดหย่อนภาษีอีกด้วย

 

 การออมระยะยาว

• เป็นการออมเพื่อเป็นค่าเทอมในระดับอุดมศึกษาขึ้นไป ต้องใช้วินัยในการออมค่อนข้างสูงมาก ดังนั้นรูปแบบการออมควรเป็นลักษณะออมแบบอัตโนมัติโดยใช้ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ระยะยาว ที่มีช่วงเวลาการได้รับเงินคืนพอดีกับช่วงเวลาจ่ายค่าเทอม

• ตัวอย่างการออมเพื่อการศึกษาโดยเริ่มสะสมเงินส่วนนี้ขณะที่ลูกอายุ 3 ขวบเพื่อเป็นค่าเทอมในระดับมหาวิทยาลัยปีที่ 1 (อายุ 18 ปี) โดยใช้การออมในรูปแบบประกันชีวิตชนิดสะสมทรัพย์ระยะเวลา 15 ปี โดยเริ่มออมตั้งแต่ลูกอายุ 3 ขวบ จะได้รับเงินคืนที่อายุ 18 ประเด็นสำคัญอยู่ที่ผลประโยชน์ที่จะได้รับถึง 3 รูปแบบ คือ ได้รับความคุ้มครองชีวิต เป็นเงินออมเพื่อการศึกษาแล้วยังลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย แต่ถ้าระหว่างการออมนั้นมีเหตุจำเป็นต้องใช้เงินเราสามารถกู้กรมธรรม์ตนเองเพื่อนำเงินมาหมุนก่อนได้ ทั้งนี้ควรดูเงื่อนไขของแต่ละกรมธรรม์ก่อนการตัดสินใจกู้

ในครั้งต่อไปจะแนะนำการลงทุนในแง่มุมไหนบ้าง ต้องมาติดตามกันนะคะ ^_^

 

ผู้เขียน : อภินิหารเงินออม

สนับสนุนข้อมูล : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook