สรรพสามิตเล็งเสนอ ครม.ปิดโครงการรถยนต์คันแรก ก.ย.นี้
กรมสรรพสามิตเล็งเสนอ ครม.ปิดโครงการรถยนต์คันแรก ก.ย.นี้ คาดของบอีกรวม 30,000 ล้าน ใช้ถึงปีหน้า พร้อมเล็งทบทวนภาษีแอร์เหตุผู้ผลิตเอาเปรียบไม่ลดราคาให้ผู้บริโภค
นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมสรรพสามิตเตรียมเสนอกระทรวงการคลังให้เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา เพื่อของบประมาณสำหรับการจ่ายคืนภาษีรถยนต์คันแรก โดยจะมีการปิดบัญชีโครงการภายในเดือนกันยายนนี้ หลังจากที่ขอความร่วมมือค่ายรถยนต์ให้เจรจาสอบถามและขอให้ลูกค้าที่จองไว้มารับรถยนต์ภายในระยะเวลาดังกล่าวจากจำนวนรถยนต์ยนต์ที่ยังค้างส่งมอบอีก 1.1 แสนคัน พร้อมกับของบของปี 2557 อีกประมาณ 5,000 ล้านบาทด้วย โดยรวมจะของบอีก 30,000 ล้านบาท
“หากไม่เสนอ ครม.เพื่อขอปิดโครงการก็จะไม่ชัดเจนว่าจะเหลือจำนวนผู้ใช้สิทธิ์อีกกี่รายและใช้เงินคืนภาษีอีกจำนวนเท่าไร แต่ในเบื้องต้นอาจจะขอเต็มวงเงินที่คาดว่าจะใช้ก่อนคือ ของปีนี้อีก 5,000 ล้านบาทและของปีหน้าอีก 25,000 ล้านบาท แต่ในความเป็นจริงของปีหน้าอาจจะใช้น้อยกว่านี้ ตามจำนวนรถยนต์ที่มีการทิ้งใบจองซึ่งอาจจะเกือบแสนคัน” นายสมชาย กล่าว
ส่วนที่ต้องของบปีนี้เพิ่มอีก 5,000 ล้านบาทเนื่องจากก่อนหน้านี้คณะรัฐมนตรี อนุมัติให้มาเพียง 3,100 ล้านบาทเท่านั้น จากที่เสนอของบไป 8,000 ล้านบาท โดยสำนักงบประมาณได้จัดสรรให้ใช้ได้ถึงเดือน ก.ค.นั้นเท่านั้น เพราะเห็นว่ากำลังจะมีการเลือกตั้งและควรให้รัฐบาลใหม่เป็นผู้ดำเนินการต่อ ส่วนที่ไม่ได้ขอใช้เงินคงคลังเหมือนก่อนหน้านี้เพราะจะเป็นการสร้างภาระผูกพันให้รัฐบาลหน้า ซึ่งอาจขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญโดยในความเห็นแล้วมองว่าน่าจะจัดสรรมาคราวเดียวกัน
ทั้งนี้ หากรวมกับงบประมาณที่เหลือขณะนี้อีก 5,100 ล้านบาททำให้มีเงินใช้จ่าคืนผู้เข้าโครงการทั้งสิ้น 8,200 ล้านบาท โดยวันที่ 9 พ.ค.นี้จะครบกำหนดจ่ายเงินคืนอีก 3,000 ล้านบาท แม้ว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่ได้พิจารณาวงเงินงบกลางที่ได้รับจัดสรรเพิ่มก็สามารถใช้เงินที่เหลืออยู่จ่ายไปก่อนได้ ซึ่งหลังจากนี้ ยืนยันว่าจะสามารถจ่ายเงินคืนได้เร็วขึ้นจากที่ก่อนหน้านี้ที่มีปัญหาล่าช้าอยู่บ้าง บางรายอาจจะช้าไป 4-5 เดือน เนื่องจากมีปัญหาในการตรวจสอบการใช้สิทธิจากกรมขนส่งทางบก เพราะถูกปิดไปนาน 2 เดือนรวมทั้งกระทรวงไอซีทีและมหาดไทยด้วย
นายสมชายยังกล่าวถึงกรณีการจัดเก็บภาษีเครื่องปรับอากาศว่า กรมฯ อาจมีการทบทวน หลังจากที่เห็นว่าการปรับลดภาษีไปก่อนหน้านี้ไม่ได้ทำให้ผู้ประกอบการมีการปรับลดราคาเครื่องปรับอากาศลงเพื่อลดภาระให้ผู้บริโภค โดยเฉพาะในช่วงนี้อากาศร้อนเห็นว่าเครื่องปรับอากาศยังเป็นสินค้าขายดีและปรับราคาขึ้น ประชาชนจำเป็นต้องซื้อ ทั้ง ๆ ที่เครื่องปรับอากาศเป็นสินค้าที่ทำลายสิ่งแวดล้อมด้วยซ้ำ แต่ก่อนหน้านี้เห็นว่าเป็นสินค้าจำเป็นในครัวเรือนจึงได้ลดภาษีลงจากที่จัดเก็บร้อยละ 10