โอทีหายกระทบบ้านระดับล่าง บรรยากาศไม่เอื้อ-กู้ไม่ผ่านพุ่ง คาดปีนี้ทั่วประเทศหดตัว 10%
การเมืองยื้อโอทีลดกระทบยอดขายบ้านระดับล่าง แถมยังกู้ไม่ผ่านพุ่งเกือบ 30% พฤกษาโอดยอดขายไตรมาสแรกลดกว่า 30% คาดตลาดอสังหาฯทั่วประเทศหดตัว 10%
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าที่ซื้อบ้านระดับราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์ ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การเมืองซึ่งส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้ได้ค่าทำงานล่วงเวลา (โอที) ลดลง ส่งผลให้รายได้ลดลง โดยรายได้จากโอทีคิดเป็น 10-20% ของรายได้รวม ประกอบกับสถาบันการเงินมีความเข้มงวดมากขึ้น ทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้ไม่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ (พรีแอพพรูพ) เพื่อจองซื้อบ้าน ทำให้ยอดขายหายไปราว 10-20%
"จากเดิมที่มีลูกค้า มาดูบ้าน 5 ราย จะสามารถจองได้ 1 ราย แต่ปัจจุบันลูกค้ามาดูบ้าน 6 ราย จองได้ 1 รายเท่าเดิม ซึ่งทางบริษัทก็ได้มีการพรีแอพพรูพลูกค้าก่อนจอง แต่พบว่าอัตราการกู้ไม่ผ่านเฉลี่ยอยู่ที่ 25-26% จึงได้แนะนำให้กู้ร่วมเพื่อรักษาฐานลูกค้ากลุ่มนี้ไว้" นายทองมากล่าว และว่า บริษัทจะเดินหน้าเปิดโครงการตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และมั่นใจว่าจะสามารถทำยอดขายได้ 4.1-4.5 หมื่นล้านบาท และรายได้ที่ 4.0-4.2 หมื่นล้านบาท แม้ว่าภาวะการเมืองที่ยืดเยื้อและเศรษฐกิจที่ชะลอตัวส่งผลกระทบต่อ ภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งประเมินว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศปีนี้จะหดตัวประมาณ 5-10% จากมูลค่าตลาดรวมในปีที่ผ่านมาที่ 6.5 แสนล้านบาท ทั้งนี้ พบว่าบรรยากาศการซื้อขายเดือนมีนาคมและเมษายนเริ่มปรับตัวดีขึ้น เพราะลูกค้าคลายความกังวลเรื่องการเมือง เพราะยอดขาย 4,640 ล้านบาท สูงกว่าเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ที่มียอดขายรวม 3,554 ล้านบาท
"บรรยากาศในตลาดกระเตื้องขึ้น คาดว่าผู้ประกอบการรายอื่นก็น่าจะมีแนวโน้มในทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้ บริษัทได้ปรับตัวโดยการพัฒนาสินค้าที่มีความหลากหลายมากขึ้น และแบ่งการพัฒนาออกเป็นเฟสๆ เพื่อให้ปิดการขายได้เร็ว และมีการบริหารจัดการเพื่อลดต้นทุน เช่น การกู้เงินน้อยลง ทำให้มีภาระดอกเบี้ยจ่ายลดลง ลดงบโฆษณาจาก 2.7% เป็น 2.4% ของยอดขายในปีนี้" นายทองมากล่าว
ส่วนผลประกอบการไตรมาส 1/2557 บริษัทมียอดขาย 8,194 ล้านบาท ลดลง 33.5% เนื่องจากสถานการณ์การเมืองทำให้ลูกค้าชะลอการซื้อรวมถึงมีโครงการเปิดใหม่ น้อย มีรายได้รวม 8,055 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมามีกำไรสุทธิสูงถึง 1,065 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38%
นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมือง ทำให้การซื้อโครงการอสังหาริมทรัพย์ของชาวต่างชาติลดลงกว่า 70-80% โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล แต่ขณะนี้เริ่มปรับดีขึ้น ซึ่งจังหวัดหัวเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ก็ยังมียอดขายเข้ามาต่อเนื่องแม้จะไม่หวือหวานัก ซึ่งหากการเมืองไม่มีความรุนแรง เชื่อว่าตลาดจะเริ่มฟื้นตัวกลับมา เพราะนักลงทุนต่างชาติมองโอกาสการลงทุนในไทย เพราะสินทรัพย์ยังราคาถูกและเป็นศูนย์กลางภูมิภาคอาเซียน