ทำอย่างไรไม่ให้ตกเป็นเหยื่อการตลาด
ทำอย่างไรไม่ให้ตกเป็นเหยื่อการตลาด
ในยุคที่แต่ละแบรนด์สินค้า ต่อสู้กันอย่างหนักในการดึงยอดขาย โฆษณาถือเป็นกลยุทธ์การตลาดที่สำคัญเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งถึงแม้ว่าเราจะคิดว่า เราฉลาดแค่ไหน รู้เท่าทันแค่ไหน ก็อาจตกเป็นเหยื่อของกลยุทธ์การตลาดเหล่านั้นได้ นอกจากนี้ คุณยังไม่สามารถโยนความผิดให้กับบรรดาบริษัทที่จ้างนักการตลาดมือฉมังเหล่านั้นได้ แต่คุณ ในฐานะผู้บริโภคต้องเรียนรู้ที่จะคิดเท่าทันโฆษณาเหล่านั้นเองเสียมากกว่า ซึ่งวันนี้ ทาง MoneyGuru จะเสนอเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเตือนภัยผู้บริโภคไม่ให้ตกหลุมได้ง่ายๆ
+ ข้อสรุปลวง
ข้อสรุปลวงคืออะไร? หลายครั้งที่เราเคยได้ยินคำโฆษณา อาจจะในวิทยุ โทรทัศน์ หรือแผ่นพับว่า สินค้าชนิดนี้ มีคุณหมอ 7 คน จาก 10 คนเลือกใช้ หรือ 9 คนจาก 10 คนบอกต่อว่าดี ซึ่งคำโฆษณาเหล่านี้ ประการแรก เป็นการยากมากที่จะพิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริงทั้งหมด และประการที่ 2 คุณไม่ควรเชื่อในทันทีจากการสรุปของบรรดานักการตลาดว่า เพียงแค่คนใช้เยอะกว่า จะหมายความโดยอัตโนมัติว่า สินค้านั้นดีที่สุดในท้องตลาดเสมอไป เพราะคนจำนวนที่มาทำการทดลองไม่สามารถเป็นตัวแทนของประชากรได้เสมอไป บางทีมีการดึงกลุ่มตัวอย่างมาทดลองน้อยเกินไปเป็นต้น เพราะฉะนั้น เฉลียวใจซักนิดเวลาชมโฆษณาก่อนจะตกเป็นเหยื่อของการตลาดอย่างง่ายดาย
+ อย่าหลงเชื่อแค่รีวิวดังๆ
หลายคนมักจะเข้าไปอ่านรีวิว ในเว็ปบอร์ดต่างๆ ก่อนการตัดสินใจซื้อของ เพราะเชื่อว่าผู้ที่รีวิวเหล่านั้นมีประสบการณ์ใช้สินค้าจริง และน่าเชื่อถือ อาจดูจากจำนวนคนเข้ามาชม หรือ การเปรียบเทียบกับผลิตภัณท์ตัวก่อนๆ ที่ทำรีวิวได้ดี อันต่อไปก็คงน่าเชื่อถือได้เช่นเดียวกัน สิ่งนี้ค่อนข้างอันตรายอย่างยิ่ง เพราะเรามักจะมีความเชื่อว่า คนที่มารีวิวนั้น มีความเป็นกลาง จึงรีวิวสินค้าออกมาด้วยความเป็นกลาง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่จริงเสมอไป บางบริษัทจ้างคนที่ทำรีวิวสินค้าเก่งๆ มีคนติดตามในโซเชียลเน็ตเวิร์คมากๆ เพื่อมารีวิวชมสินค้าของตนเพื่อกระตุ้นยอดขาย หรือบางทีสินค้าจากแบรนด์ใหม่ๆ เล็กๆ อาจเริ่มด้วยการส่งสินค้าให้บรรดาดารา นายแบบ นางแบบใช้ฟรี และทำรีวิวให้ กลยุทธ์ต่างๆ เหล่านี้ ทำให้เราไม่ควรดูรีวิวจากแหล่งเดียว แต่ควรดูหลายๆ แหล่งเพื่อประกอบการตัดสินใจ มิฉะนั้น เราอาจจะพลาดท่าซื้อสินค้า แต่กลับไม่ถูกใจก็เป็นได้
+ อย่าหลงเชื่อแคมเปนจำกัดเวลาโปรโมชั่น
หลายต่อหลายครั้ง ที่เราเห็นแคมเปนลดแลกแจกถามจากแบรนด์ต่างๆ แต่มีข้อแม้ว่า ต้องซื้อภายในวันนี้ ภายในพรุ่งนี้ หรือกระทั่ง ภายในสามสิบนาทีนี้ หากคุณเคยดูช่องโทรทัศน์ขายสินค้าทั่วไป โดยแคมเปนเหล่านี้ จะเพิ่มความรู้สึกเร่งด่วน ให้คุณรู้สึกว่า ถ้าเราไม่ซื้อตอนนี้ เราจะไม่ได้ราคานี้อีก ทั้งๆ ที่เราอาจจะไม่ได้จำเป็นต้องใช้สินค้านั้นๆ เสียด้วยซ้ำ ทำให้ใครหลายๆ คนตกเป็นเหยื่อ เเละหยิบบัตรเครดิตการ์ดขึ้นมาจ่ายอย่างง่ายดาย ซึ่งวิธีจัดการกับแคมเปนแบบนี้ที่ดีที่สุดก็คงหนีไม่พ้นการมีสติ แล้วถามตนเองว่าคุณต้องการสินค้าเหล่านี้หรือไม่ หากต้องการ คุณก็ซื้อ เพราะถือเป็นโอกาสดีที่สินค้าที่คุณอยากได้ ลดราคาพอดี แต่ถ้าคุณไม่ต้องการ อย่าซื้อเพียงเพราะว่าสินค้านั้นลดราคาในเวลาที่จำกัด เพราะจากการสำรวจพบว่า แคมเปนเหล่านี้ ไม่ได้จำกัดเวลาอย่างที่บรรดาแบรนด์ต่างๆ กล่าวอ้าง โดยเฉพาะในช่องโทรทัศน์ที่เราเห็นบ่อยๆ จะพบว่า แคมเปนเดียวกัน สามารถพบเห็นได้ทุกวัน หรือทุกสัปดาห์ ทั้งๆ ที่มีการประกาศในโฆษณาว่าเป็นแคมเปนที่จำกัดเวลาเพียงแค่สามสิบนาทีเท่านั้น นอกจากนี้ การที่คุณซื้อของที่คุณไม่จำเป็นต้องใช้ สุดท้ายแล้วคุณก็จะไม่ได้ใช้มันจริงๆ แถมเป็นการเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์อีกด้วย