"คสช."ไฟเขียวขึ้นราคาแอลพีจีครัวเรือนอีก50สต.1มิ.ย.นี้
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศและรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือคสช. ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจและทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจ เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับคณะผู้บริหารกระทรวงพลังงาน ว่า กระทรวงพลังงานมีเรื่องเร่งด่วนที่ต้องดำเนินงาน โดยเฉพาะการปรับโครงสร้างราคาพลังงาน ทั้งในส่วนของก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจี ,ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ หรือเอ็นจีวี และราคาน้ำมันดีเซล โดยในส่วนของการนโยบายการปรับขึ้นราคาแอลพีจีภาคครัวเรือนจะยังคงเดินหน้าต่อไป ซึ่งจะมีการปรับขึ้นราคาอีก 50 สตางค์ต่อกิโลกรัม ในวันที่ 1 มิถุนายนนี้ จากปัจจุบันอยู่ที่ 22.63 บาทต่อกิโลกรัม เนื่องจากเป็นนโยบายที่ดำเนินการมาก่อนวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา ดังนั้นหากเป็นงานที่ผูกพันและไม่กระทบเศรษฐกิจก็จะยังคงเดินหน้าต่อไป
ขณะที่การปรับขึ้นราคาแอลพีจีภาคขนส่งและการปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลนั้น รวมทั้งการปรับโครงสร้างราคาพลังงานนั้น ต้องยอมรับว่าโครงสร้างราคาพลังงาน และกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง มีความซับซ้อนจึงต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารราพอสมควร แต่หากไม่มีความซับซ้อนมากก็จะเริ่มทยอยพิจารณาตั้งแต่กลางเดือนมิถุยายนนี้ โดยทาง คสช.จะเสนอเรื่องดังกล่าวไปยังหัวหน้าฝ่ายบริหารของ คสช.เพื่อพิจารณาต่อไป อย่างไรก็ตามยืนยันว่าจะสร้างความเป็นธรรมและไม่ขัดกับหลักกฏหมายอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ในสัปดาห์หน้า ยังเตรียมเสนอหัวหน้าฝ่ายบริหาร คสช.เพื่อพิจารณาแต่งตั้งประธานคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เนื่องจากปัจจุบันไม่มีรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานเข้ามาทำหน้าที่ ดังนั้นภายในสัปดาห์จะมีความชัดเจนในการกำหนดคณะกรรมการ และผลการพิจารณาออกมา ซึ่ง กบง.นับว่ามีความสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆด้านพลังงาน ขณะที่ในส่วนของการพิจารณากรณีการมอบอนาจคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือกกพ. กรณีการสั่งจ่ายเงินชดชเยสำหรับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการไทยแลนด์ดีมานด์เรสปอนด์ในช่วงแหล่งก๊าซเจดีเอปิดซ่อมระหว่างวันที่ 13 มิถุนายน -10 กรกฏาคมนี้ ภายหลังจากมีการจัดตั้งประธาน กบง.แล้วจะนำเรื่องดังกล่าวหารือในที่ประชุมต่อไป
อย่างไรก็ตามในส่วนการผลักดันพลังงานทดแทนให้เป็นไปตามเป้าที่ 25% ในอีก 8 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันอยู่ที่ 10-11% ซึ่งทาง คสช.สั่งการให้กระทรวงพลังงานเดินหน้าอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น หากมีข้อติดขัดหรือปัญหาอุปสรรคใดๆสามารถนำเสนอ คสช. เพื่อเดินหน้าไปตามแผนได้ทันที อาทิ ในส่วนของโครงการติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้านและอาคาร หรือโซลาร์รูฟท็อป ที่ยังไม่ม่ความชัดเจนใบ รง.4 โดยเรื่องดังกล่าวจะต้องหารือกับหลายฝ่าย คาดว่าจะมีความชัดเจนไม่เกิน 2 สัปดาห์
สำหรับกรณีการปรับเปลี่ยนผู้บริหาร หรือบอร์ดรัฐวิสาหกิจนั้น ในวันที่ 31 พฤษภาคมนี้ จะประชุมกับรัฐวิสาหกิจทั้งหมด ซึ่งมีอยู่ 56 แห่ง ซึ่งจากการศึกษาพบว่ามีบอร์ดที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 800 คน และมีกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 26 ฉบับ ดังนั้นจะมีการพิจารณาอย่างรอบคอบและการดำเนินการใดๆ จะเป็นไปตามกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และภายหลังจากประชุมพิจารณาแล้วจะกำหนดเป็นแนวทางเสนอต่อหัวหน้า คสช. เพื่อดำเนินการตั้งคณะทำงานเพื่อปฏิบัติให้เป็นไปรูปธรรมตามแนวทางต่อไป
นอกจากนี้ ยังได้เห็นชอบแนวทางการเปิดประมูลสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 เพื่อเดินหน้าให้ไทยมีแหล่งพลังงานต่อไป โดยจะขอความเห็นชอบจากหัวหน้าฝ่ายบริหารของ คสช.ในเร็วๆนี้