ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น15.19จุด
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (4 มิ.ย.)ที่ 16,737.53 จุด เพิ่มขึ้น 15.19 จุด หรือ +0.09% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,251.64 จุด เพิ่มขึ้น 17.56 จุด หรือ +0.41% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,927.88 จุด เพิ่มขึ้น 3.64 จุด หรือ +0.19% เพราะได้แรงหนุนจากรายงานที่ระบุว่า ภาคบริการของสหรัฐขยายตัวได้ดีเกินคาดในเดือนพ.ค. ขณะที่นักลงทุนจับตาดูผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กอ่อนแรงลงหลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลด้านแรงงานที่ซบเซา โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย ADP ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานในสหรัฐ เปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 179,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นราว 210,000 ตำแหน่ง ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนที่น่าผิดหวังทำให้นักลงทุนวิตกกังวลต่อแนวโน้มตลาดแรงงานของสหรัฐ พร้อมกับจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรและอัตราว่างงานประจำเดือนพ.ค.ของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าอัตราว่างงานจะขยับขึ้นแตะ 6.4% ในเดือนพ.ค. จากระดับต่ำสุดในรอบห้าปีครึ่งที่ 6.3% ในเดือนเม.ย. อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมา เนื่องจากนักลงทุนขานรับข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของภาคบริการในสหรัฐ โดยสถาบัน ISM รายงานว่า ดัชนีภาคบริการเพิ่มขึ้นแตะ 56.3 ในเดือนพ.ค. จาก 55.2 ในเดือนเม.ย. นับว่าขยายตัวเร็วที่สุดในรอบ 9 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 55.5 โดย ตัวเลขที่อยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ถึงภาวะขยายตัวในภาคบริการ ขณะที่มาร์กิตเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหรัฐในเดือนพ.ค. ปรับตัวขึ้นแตะ 58.1 จากระดับ 55 ในเดือนเม.ย. นับว่าขยายตัวเร็วที่สุดในรอบกว่า 2 ปี นักลงทุนจับตาดูการประชุมธนาคารกลางยุโรปในช่วงเย็นวันพฤหัสบดีตามเวลาไทยอย่างใกล้ชิด ด้านนักวิเคราะห์คาดว่า ธนาคารกลางยุโรปอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการครั้งนี้ และหากเป็นไปตามคาดการณ์ การปรับลดที่อาจจะเกิดขึ้นดังกล่าว จะถือเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสู่แดนลบเป็นครั้งแรกของอีซีบี