ด่วน!!ศาลอุทธรณ์แก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น!!ยกฟ้อง"อมเรศ"-"วิชรัตน์"คดีผิดหลักเกณฑ์ขายสินทรัพย์ ′ปรส.′
เมื่อเช้าที่ผ่านมา วันที่ 17 มิถุนายน ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาแก้คำพิพากษาของศาลชั้นต้นให้ยกฟ้อง นายอมเรศ ศิลาอ่อน อายุ 81 ปี อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน หรือ ปรส. และ นายวิชรัตน์ วิจิตรวาทการ อายุ 67 ปี อดีตเลขาธิการ ปรส. ในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้อง พร้อมกับพวกรวม 6 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การ หรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 11 จากกรณีไม่เรียกเก็บเงินงวดแรกในการขายสินทรัพย์ให้กับ บริษัท เลห์แมน บราเธอร์ส โฮลดิ้งส์ อิงค์ ซึ่งเป็นจำเลยที่ 3 ในคดีนี้ จำนวน 2,304 ล้านบาท ตามหลักเกณฑ์กำหนดที่ไว้ เมื่อปี 2541
โดยคดีนี้ศาลอาญาพิเคราะห์จากพยานหลักฐานแล้วเห็นว่าจำเลยทั้ง 2 ผิดฐานไม่เรียกเก็บเงินงวดแรกในการขายสินทรัพย์ให้กับบริษัทเอกชนเลห์แมนบราเธอร์ส โฮลดิ้ง อิ้งค์ จำกัดจำนวน 2,304 ล้านบาท ตามหลักเกณฑ์กำหนดที่ไว้ ผิดตาม พรบ.ว่าด้วย ความผิดพนักงานในองค์กรของรัฐ จึงพิพากษาจำคุกจำเลยทั้ง 2 เป็นเวลา 2 ปี ปรับ 2 หมื่นบาท แต่เนื่องจากจำเลยที่ 1 เคยเป็นอดีตรมว.พาณิชย์ จำเลยที่ 2 เป็นอดีตประธานอนุกรรมการกลั่นกรองวางแผนการฟื้นฟูให้กับสถาบันการเงิน ซึ่งถือเป็นการทำคุณให้กับประเทศชาติ ประกอบจำเลยทั้ง2 มีอายุมากเห็นสมควรให้กลับตัวกลับใจ โทษจำคุกจึงรอลงอาญา 3 ปี ให้คุมประพฤติ 1 ปี โดยต้องรายงานตัว 3 ครั้งต่อเดือน พร้อมบำเพ็ญประโยชน์เป็นเวลา 24 ชั่วโมง ส่วนจำเลยที่ 3 ถึง 6ศาลเห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ไม่มีน้ำหนักเพียงพอว่ากระทำผิด จึงพิพากษายกฟ้อง
ขณะที่ นายอมเรศ ศิลาอ่อน อดีตประธานองค์การปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) จำเลยที่ 1 และนายวิชรัตน์ วิจิตรวาทการ อดีตเลขาธิการ ปรส. จำเลยที่ 2 ได้ยื่นอุทธรณ์สู้คดี
และวันนี้ศาลอุทธรณ์นัดอ่านคำพิพากษาหลังตรวจสำนวนประชุมแล้วเห็นว่าอุทธรณ์ของนายอมเรศและนายวิชรัตน์ฟังขึ้นจึงพิพากษาแก้ให้ยกฟ้องจำเลยทั้งสอง นอกนั้นให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ด้านนายอมเรศ ศิลาอ่อน เปิดเผยภายหลังว่า คดีนี้ได้อุทธรณ์ในประเด็นการขายสินทรัพย์ว่าไม่มีความเสียหายเกิดขึ้นทั้งภาคเอกชน และหน่วยงานราชการ ส่วนสินทรัพย์ที่ขายไปเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีค่าแล้ว ซึ่งจะขายให้เท่าราคาทุนเป็นไปไม่ได้ ยืนยันว่าขณะนั้นไม่มีการเมืองเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้และไม่มีใบสั่งการเมือง ส่วนอัยการจะยื่นฎีกาต่อหรือไม่ ตนไม่ทราบแต่ต้องรอดูข้อกฎหมายอีกครั้ง