รุมแย่งเม็ดเงิน"ขายตรง"7หมื่นล้าน เก่า-ใหม่แข่งเดือดตะลึง"สุพรีเดอร์ม-นูทรี"ปิดตัว
ขาย ตรง 7 หมื่นล้านแข่งเดือด "เก่าไป-ใหม่มา" สุพรีเดอร์ม-นูทรีเมติคส์ปิดฉากอำลาวงการ คามิโอเฮาส์เบนเข็มเจาะช่องทางรีเทล กูรูขายตรงชี้ตลาดแข่งแรง เจอศึกรอบด้าน ดาราร่วมแจมแห่เปิดธุรกิจ ใช้ความมีชื่อเสียงสร้างแรงดึงดูด จับตาแห่ปิดตัวอีกเพียบ ด้านรายใหญ่ยังเดินหน้าทำตลาดชูสินค้า-อินเซนทีฟทริป ดึงยอดนักขาย-สินค้า นายกสมาคมขายตรงมั่นใจ ศก.-กำลังซื้อส่งสัญญาณบวก ดันธุรกิจกลับมาโต 7-10%
ธุรกิจขายตรงไทย ซึ่งมีมูลค่าตลาดรวมในปีที่ผ่านมา 70,000 ล้านบาท มีอัตราเติบโตเฉลี่ย 7-10% ทุกปี และเป็นธุรกิจที่มีความยืดหยุ่นสูง ทั้งในช่วงเศรษฐกิจดีและหดตัว เป็นเสน่ห์ดึงดูดให้รายใหม่ ๆ ต้องการเข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดก้อนนี้ ตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีธุรกิจขายตรงใหม่ ๆ เปิดตัวเพิ่มขึ้นอีกเกือบร้อยราย
อย่างไรก็ตาม มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน นั่นคือการประกาศปิดตัวของ "สุพรีเดอร์ม" และ "นูทรีเมติคส์" ซึ่งอยู่ในตลาดมานานกว่า 20 ปี ขณะที่ "คามิโอเฮาส์" ขายตรงชุดชั้นใน ซึ่งอยู่ในตลาดมาถึง 19 ปี ได้ปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ จากรูปแบบขายตรง เปลี่ยนมาจัดจำหน่ายผ่านช่องทางรีเทล
สุพรีเดอร์ม-นูทรีเมติคส์ปิดกิจการ
นายธรรมนูญ สมบูรณ์สิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท สุพรีเดอร์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ยอมรับกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ขายตรงสุพรีเดอร์มจะปิดกิจการในวันที่ 31 กรกฎาคม 2557 หลังได้รับแจ้งจากที่ประชุมเมื่อวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา สอดคล้องกับการสอบถามไปที่สำนักงานของบริษัทสุพรีเดอร์มฯ ได้รับการยืนยันว่าจะปิดกิจการในสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ ทั้งนี้ สมาชิกสามารถสั่งซื้อสินค้าได้จนถึงวันที่ 15 กรกฎาคม ที่ศูนย์ธุรกิจสุพรีเดอร์ม และกิฟฟารีน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปิดกิจการครั้งนี้ค่อนข้างกะทันหัน เนื่องจากเมื่อต้นปี สุพรีเดอร์มเพิ่งประกาศแผนเชิงรุกและมีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง อาทิ ออกสินค้าใหม่หลายเอสเคยู โดยเฉพาะเครื่องดื่ม
สมุนไพรปัณจะ ภูตะ ดึง "ก้อง-สหรัฐ" นักแสดง-นักร้องชื่อดัง มาช่วยสร้างความเชื่อมั่นและรับรู้สินค้า เพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือนพฤษภาคม เซ็นสัญญา 1 ปี และแอ๊ด คาราบาว แต่งเพลงให้กับผลิตภัณฑ์ดังกล่าว
ปีนี้ สุพรีเดอร์มยังได้ทุ่มงบฯโฆษณา จัดอินเซนทีฟทริป พร้อมปรับแผนจ่ายผลตอบแทนเพื่อให้แข่งขันได้ ตั้งเป้ายอดขายไว้ 1,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนที่ผ่านมา พ.ต.ท.น.พ.มั่น อุดมพาณิชย์ ประธานกรรมการ ระบุว่า ยอดขายในครึ่งปีแรกทรงตัว คาดว่าสิ้นปีจะปิดที่ 600 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทกำลังเร่งปรับภาพลักษณ์ให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีและรับตลาดเออีซี
ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.น.พ.มั่นเคยให้สัมภาษณ์ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ธุรกิจขายตรงในปัจจุบันมีการแข่งขันสูง จากการเข้ามาของรายใหม่ และแผนการตลาดเข้มข้น ถ้าสุพรีเดอร์มต้องการเติบโต จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง
สุพรีเดอร์มอยู่ในธุรกิจขายตรงไทยมาถึง 27 ปี มีสมาชิก 80,000 คน และมีความพยายามปรับตัวมาตลอด อาทิ สร้างจุดขายในตัวสินค้าให้แตกต่างจากรายอื่น รวมถึงแตกแบรนด์ "นูทรีเดอร์ม" ธุรกิจขายตรง ซึ่งใช้แผนไบนารี เมื่อปี 2554 แต่ทำได้ 1 ปี ก็ปิดกิจการไป
ในส่วน "นูทรีเมติคส์" บริษัทขายตรงผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณ และเครื่องสำอางจากออสเตรเลีย ในกลุ่มบริษัท ทัพเพอร์แวร์ แบรนด์ ซึ่งอยู่ในตลาดมา 22 ปี ได้ปิดกิจการในไทย และปิดศูนย์ธุรกิจทั้งหมดเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน จากการสอบถามไปยังผู้บริหาร ได้รับการปฏิเสธที่จะตอบคำถาม
แหล่งข่าวในวงการขายตรงมองว่า นูทรีเมติคส์เป็นขายตรงความงาม เป็นตลาดที่มีคู่แข่งจำนวนมาก ทั้งในธุรกิจ MLM และรีเทล อีกทั้งผลิตภัณฑ์เป็นสินค้าที่มีอายุการใช้งานนาน ทำให้ความถี่ในการซื้อต่ำ ประกอบกับการเป็นบริษัทข้ามชาติ มีค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการสูง บวกกับสภาพเศรษฐกิจ การเมือง กำลังซื้อที่ชะลอตัว
คามิโอเฮาส์พลิกมาทำรีเทล
แหล่งข่าวจากบริษัทคามิโอเฮาส์กล่าวว่า ตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นมา ได้ยกเลิกรูปแบบธุรกิจขายตรง และหันมาจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางค้าปลีก โดยตัวแทนจำหน่ายช่วงแรกคือสมาชิกนักธุรกิจที่มีอยู่ ซึ่งตอนนี้เริ่มเข้าที่ และมีแผนพัฒนาช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น บริษัทยังเตรียมย้ายสำนักงานจากทองหล่อไปรามคำแหง ส่วนศูนย์ธุรกิจเดิมยังคงมีอยู่ทั้ง 2 แห่ง คือหาดใหญ่ และรัชโยธิน ทั้งนี้ นอกจากตลาดในประเทศ บริษัทยังมีส่งออกอีกด้วย
"จากเดิมที่เน้นรีครูตสมาชิก ก็หันมาขยายตัวแทนจำหน่าย ตัดเรื่องการจ่ายผลตอบแทนออกไป ตอนนี้เริ่มเข้าที่มากขึ้น บริษัทไม่มีแผนเลิกกิจการ เพราะมีโรงงานของตัวเอง เนื่องจากผู้บริหาร (เสริมสุข บูรณพันธ์) กรรมการผู้จัดการ มีอายุมากขึ้น ธุรกิจขายตรงจำเป็นต้องมีกิจกรรมตลอดเวลา เพื่อสร้างสีสัน ประกอบกับทายาทไม่มีความถนัดในธุรกิจขายตรงชุดชั้นใน" แหล่งข่าวกล่าว
ขายตรง "ดารา" มาแรง
นางภคพรรณ ลีวุฒินันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท นูสกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส ประเทศไทย และเวียดนาม ในฐานะนายกสมาคมการขายตรงไทย ฉายภาพว่า ภาพรวมขายตรงในปี 2557 น่าจะเติบโต 5-7% จากปี 2556 มีมูลค่า 70,000 ล้านบาท เนื่องจากสัญญาณการจับจ่ายที่ดีขึ้น ยกตัวอย่างการเติบโตของนูสกิน เฉพาะเดือนมิถุนายน สูงถึง 30%
โดยปัจจุบันบริษัทขายตรงหันมามองตลาดทั้งในและต่างประเทศควบคู่กันไป เพื่อกระจายความเสี่ยง หากเกิดสถานการณ์ไม่แน่นอนในประเทศ โดยเฉพาะตลาดในกลุ่มประเทศเออีซีที่เติบโตเฉลี่ย 15-30 %
ดังนั้น การเปิดตลาดเออีซีจึงเป็นการช่วยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว
แหล่งข่าวจากบริษัทขายตรงฉายภาพว่า ธุรกิจขายตรงปี 2557 มีความคึกคักและแข่งขันกันสูงจากรายใหม่ ๆ ที่เปิดตัวเกือบทุกวัน โดยเฉพาะขายตรงสัญชาติไทย ขายตรงที่มีดารานักแสดงเข้าร่วม เพราะมีต้นทุนความมีชื่อเสียง ทำให้เกิดความเชื่อถือและยอมรับ เป็นที่น่าสังเกตว่ารายใหม่ที่เข้ามาส่วนใหญ่เน้นขายโอกาสทางธุรกิจ นำเสนอแผนรายได้ที่น่าสนใจ เพื่อดึงคนเข้าร่วมธุรกิจ รวมถึงการซื้อตัวนักขายที่มีประสบการณ์สูง เพื่อมาช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว
"ขายตรงเป็นธุรกิจที่มีเสน่ห์ ทำมูลค่าเงินมหาศาล ทำให้คนอยากลงมาเล่นในตลาด แต่ก็มีปิดตัวไป เชื่อว่า 1-2 ปีนี้จะมีทยอยปิดกิจการอีกจำนวนมาก มองว่ามีเงินอย่างเดียวทำไม่ได้ ต้องมีความรู้เรื่องการบริหารจัดการ การดูแลคน เรื่องของทีมงานและแม่ทีมเป็นเรื่องสำคัญ"
ครึ่งปีเปิดเพิ่มร่วมร้อย
ร.ต.ไพโรจน์ คนึงทรัพย์ ผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองผู้บริโภคด้านธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง กล่าวว่า 6 เดือนแรกของปีมีบริษัทขายตรงยื่นขอจดทะเบียนใหม่ 88 ราย ส่วนใหญ่เป็นคนไทย ต่างชาติมีแค่ 2-3 บริษัท ได้รับอนุมัติไปแล้ว
34 ราย และมีที่ยื่นขอยกเลิกกิจการ 63 ราย ถูก สคบ.เพิกถอน 6 ราย เพราะประกอบธุรกิจไม่ตรงตามที่ขออนุญาต ดำเนินคดีไป 1 ราย รวมธุรกิจขายตรงขึ้นทะเบียนไว้เกือบ 1,000 ราย ในจำนวนนี้ดำเนินธุรกิจอยู่ 353 ราย
ปัจจัยส่งผลให้เลิกกิจการมาจาก 1.กลไกตลาด 2.สินค้าไม่ตรงกับความต้องการ แผนการทำตลาดและการขายไม่น่าสนใจ 3.ขาดความเชี่ยวชาญ 4.ผู้จำหน่ายอิสระที่มีศักยภาพ เป็นปัจจัยอีกส่วนหนึ่งที่จะช่วยผลักดันยอดขาย
"การเปิดเออีซีจะทำให้มีขายตรงข้ามชาติเข้ามามากขึ้น ต้องจับตาดู และอาจตั้งกองดูแลผู้บริโภค ทำงานประสานกับ สคบ.ของประเทศในอาเซียน และจากเดิมงานขายตรงเป็นแค่ส่วนในสำนักกฎหมายและคดี จะแยกออกมาเป็นกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอน"
นูสกินเน้น "เอ็กซ์คลูซีฟทริป"
นางภคพรรณกล่าวว่า นูสกินเดินเครื่องรุกตลาดแบบโปรแอ็กทีฟเต็มที่ตั้งแต่ต้นปี ภายใต้โจทย์คือกระตุ้นให้สมาชิกต้องการทำธุรกิจ ขยายเครือข่าย และซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น โดยที่โปรแกรมทุกอย่างยังเหมือนเดิม
แต่เพิ่มความน่าตื่นเต้น และดึงดูดความสนใจยิ่งขึ้น อาทิ เพิ่มความถี่จัดงานเอ็กซ์โป จาก 4 ครั้ง เป็น 8 ครั้งต่อปี, อินเซนทีฟทริป ที่เอ็กซ์คลูซีฟและหรูขึ้น สำหรับผู้ที่ทำได้ตามเป้าหมาย อาทิ เดิมเกาหลี จีน เปลี่ยนเป็นตุรกี, ญี่ปุ่น รวมทั้งมีทริปล่องเรือสำราญเมดิเตอร์เรเนียน และนอร์เวย์เข้ามา
แนวทางดังกล่าวส่งผลให้สมาชิกใหม่เพิ่มขึ้น 72% จากปีก่อน ผู้สนใจทำธุรกิจเพิ่มขึ้น 36% ในจำนวนนี้มีผู้ที่มียอดคอมมิสชั่นสะสมมากกว่า 1 ล้าน ถึง 680 บัญชีรายชื่อ เพิ่มขึ้น 12% ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้น