ต้องซื้อของแพง แต่ไม่มีเงินสด ใช้บัตรเครดิต หรือสินเชื่อส่วนบุคคลดี???
ใครจะไปรู้ หากวันหนึ่ง คุณจำเป็นต้องซื้อของชิ้นใหญ่ขึ้นมา อย่าง เครื่องซักผ้าที่ดันมาเจ๊งพอดี ทีวีจอยักษ์ที่คุณอยากได้มาก เพราะเครื่องเก่าดันมาเสียซะอีก แต่ในตอนนั้นคุณกำลังขาดเเคลนเงินสด จึงเกิดคำถามที่ว่า คุณควรใช้บัตรเครดิตกับโปรโมชั่นผ่อน 0% ที่ออกมาล่อตาล่อใจมากมายเสียเหลือเกิน หรือ สินเชื่อส่วนบุคคลดีกว่า วันนี้เรา MoneyGuru.co.th จะช่วยคุณหาคำตอบ
บัตรเครดิตผ่อน 0% ดีเกินจริงไปหรือเปล่า?
บัตรเครดิตหลายใบในท้องตลาดเวลานี้ ล้วนเสนอโปรโมชั่นผ่อน 0% สำหรับการซื้อสินค้าให้ผู้ถือบัตร โดยเริ่มตั้งแต่ 3 เดือน 4 เดือน 6 เดือน ไปจนถึง 24 เดือนก็มี ซึ่งโปรโมชั่นนี้จะมีประโยชน์มากเพราะในระยะเวลาดังกล่าว คุณจะไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเลย เพียงแต่คุณต้องมั่นใจว่าคุณจะเล่นไปตามกฎของมันได้ แต่ถ้าไม่ โปรโมชั่นนี้มีข้อเสียอยู่สองอย่าง
ประการแรก หากคุณไม่สามารถจ่ายได้ทุกเดือนตามกำหนด คุณจะต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่าปกติ เพราะฉะนั้น คุณต้องมั่นใจว่าคุณแบกรับภาระต่อเดือนในส่วนนั้นไหว
ประการที่สอง คุณต้องระวังในส่วนของ Credit Utilization หรือสัดส่วนการใช้บัตรเครดิตต่อวงเงินที่คุณได้รับ หากคุณมีหนี้บัตรเครดิตอยู่แล้ว และคุณยังเพิ่มยอดการใช้จ่ายด้วยการผ่อนเข้าไปอีก แน่นอนว่า ประวัติเครดิตคุณจะเสียอย่างแน่นอน เพราะ Credit Utilization คือปัจจัยหนึ่งที่เครดิตบูโร นำไปพิจารณาคะแนนของคุณด้วย
ถ้าเช่นนั้น สินเชื่อส่วนบุคคลดีกว่าหรอ?
เว้นเสียแต่ว่าคุณจะยิมยืมเงินในครอบครัวของคุณ การสมัครสินเชื่อส่วนบุคคลที่เริ่มมีให้เห็นมากมาย ทั้งในรูปของเงินก้อน หรือบัตรเงินสด ที่คุณสามารถกดเงินได้ตามวงเงินที่ได้รับ ทางเลือกเหล่านี้ย่อมทำให้คุณเสียดอกเบี้ย อ่าว แล้วถ้าเสียดอกเบี้ยตั้งแต่เดือนแรก ก็แย่กว่าบัตรเครดิตเสียอีกสิ? ตรงนี้เป็นข้อเสียก็จริง แต่ข้อดีคือ สินเชื่อส่วนบุคคลจะมีระยะเวลาผ่อนชำระหนี้ที่ยาวนานกว่าบัตรเครดิต โดยมักเริ่มตั้งแต่ 6 เดือน ไปจนถึง 5 ปีเลยทีเดียว ซึ่งเหมาะกับคนที่อยากจ่ายเพียงขั้นต่ำ ซึ่งในกรณีของสินเชื่อนั้น อาจหมดได้ภายใน 3-5 ปี แต่บัตรเครดิตนั้น การจ่ายเพียงขั้นต่ำ ของยอดชำระต่อเดือน จะทำให้หนี้สินของคุณกว่าจะหมด ยาวนานกว่า 5 ปีเป็นส่วนมาก ขึ้นอยู่กับยอดและดอกเบี้ยที่ทบต้นไปเรื่อยๆ นั่นเอง
คิดให้ดี
จริงๆ แล้ว ทางเลือกที่ดีที่สุด คือการที่คุณเก็บเงินก่อนให้พอแล้วค่อยซื้อ คุณไม่ควรนำเงินสำรองฉุกเฉินที่ควรมีมาใช้ เพราะคุณไม่มีทางรู้ว่าอนาคต อาจเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินอะไร หรือไม่ แต่กระนั้น หากคุณจำเป็นต้องซื้อจริงๆ คุณควรดูสถานะทางการเงินของคุณอย่างละเอียด ว่าคุณเหมาะกับทางเลือกทางการเงินแบบไหน จึงจะคุ้มค่าที่สุด เพราะทั้งสองวิธีข้างต้น มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน
หากต้องการเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ทางการเงิน MoneyGuru อยู่เคียงข้างคุณเสมอที่ www.moneyguru.co.th