ต่อกันเรื่องเลือกหุ้น

ต่อกันเรื่องเลือกหุ้น

ต่อกันเรื่องเลือกหุ้น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คราวที่แล้วดูเรื่องกำไร เรื่อง P/E  กันไปแล้ว มาต่อกันเรื่อง P/BV ฯลฯ กันเล้ยย



1. P/BV อันนี้คือ ราคา(Price) ต่อ มูลค่าตามบัญชี (Booked Value) ทีนี้ Booked Value คืออะไร มันคือ ส่วนของผู้ถือหุ้น หารด้วย จำนวนหุ้นทั้งหมด ส่วนมากหุ้นจะราคาสูงกว่ามูลค่าตามบัญชี เพราะนักลงทุนที่เห็นศักยภาพของบริษัทจะซื้อแล้วดันราคากันขึ้นมา ตอนนี้ที่หุ้นกำลังบูมมันหายากนะหุ้นที่ P/BV < 1 คือหายากแล้วบางทีก็น่ากลัวด้วย แบบบริษัทอาจจะมีปัญหากับการบริหารรึเปล่า ทำคนส่วนใหญ่ไม่ยอมจ่ายราคาสูงกว่านี้ แต่มันก็มีเหมือนกันบริษัทที่ดีจริงๆ แต่ยังไม่มีใครเห็น ยังไม่มีนักวิเคราะห์ที่ไหนเชียร์ เหมือนเป็นม้ามืดรอเราอยู่


2. ขนาดของหุ้น (ราคาต่อหุ้น) อันนี้แล้วแต่คนจริงๆ แต่สำหรับนานิ ด้วยความที่พอร์ตยังเล็ก นานิจะไม่ชอบถือหุ้นตัวใหญ่ เพราะว่ามันจะซื้อได้แค่ไม่กี่หุ้น สมมติว่าอยากซื้อ PTT ราคา 350 บาท ซื้อแค่พันหุ้น ก็ 350,000 บาทแล้ว มันกินพอร์ตมากไปหน่อยค่ะ Peter Lynch เคยบอกไว้ในหนังสือ One Up On Wall Street ว่ายิ่งหุ้นตัวใหญ่ โอกาสที่จะทำกำไรให้เราสองเด้ง ห้าเด้งหน่ะมันยาก คือกว่าจะกลายมาเป็นหุ้นตัวใหญ่ได้ ก็แปลว่าบริษัทจะต้องมีความมั่นคงแล้วในระดับนึง แล้วก็จะต้องประสบความสำเร็จมาเยอะพอสมควร อาจจะเป็นบริษัทที่คนทั้งประเทศต้องพึ่งพาก็เป็นได้ ดังนั้นเพื่อนๆลองคิดดู ว่าถ้าบริษัทนี้ขายของให้คนทั้งประเทศพึ่งพาอยู่แล้ว มันมีโอกาสโตขึ้นยอดขายเพิ่มขึ้นอีกเป็นสองเท่า สามเท่าซักแค่ไหนกัน? มันก็มีโอกาสนั่นแหละ แต่ว่าต้องใช้เวลานานเท่าไหร่กัน?
แต่ก็มีข้อยกเว้นนะคะ หุ้นใหญ่บางตัว มีผู้บริหารที่ Aggressive จริงๆ คือขยายธุรกิจไปเรื่อย ไม่ยอมหยุดถึงแม้จะบริษัทจะใหญ่และมั่นคงแล้ว แบบนี้ก็น่าถือค่ะ เพราะอนาคตนั้นมีให้เราเห็น สิ่งที่จะทำให้เราสังเกตเห็นหุ้นตัวใหญ่ที่น่าซื้อก็มีอยู่หลายอย่างเช่น มีแผนขยายธุรกิจที่ชัดเจนและมีความเป็นไปได้สูง อาจจะมีการประมูลสัมปทานหรืออะไรใหม่ๆ หรือมีแผนออกสินค้าใหม่ที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาด หรือ มีการจะขยายธุรกิจไม่ว่าจะเป็นการซื้อ Take Over บริษัทอื่น หรือขยายบริษัทตัวเองไปต่างประเทศ


3. ราคาย้อนหลัง เราก็ควรจะดูไว้บ้าง จะได้เห็นว่าราคามันขึ้นมามากและเร็วไปรึยังในรอบ 6 เดือน คือหุ้นบางตัวอาจจะเป็นหุ้นในฝัน ผลประกอบการดี กำไรงาม P/E และ P/BV ไม่ได้สูงเว่อ แต่ว่าคนเข้ามาเล่นกันเยอะแล้ว ราคามันก็เลยดันๆดันๆขึ้นมาเยอะแล้วในเวลาอันสั้น อันนี้มันก็น่ากลัว คือถ้าเอาในระยะยาวมันไม่น่ากลัวหรอก อย่างมากก็คือกำไรน้อยลงเท่านั้นเอง แต่ในระยะสั้นนี่สิ ราคามันอาจจะเหวี่ยงลงตามอารมณ์ของ Mr. Market เมื่อไหร่ก็ได้ ดังนั้นหุ้นไม่ว่าตัวไหนดีแค่ไหน ถ้าราคาขึ้นมาเกิน 50% ภายใน 6 เดือน นานิจะไม่ค่อยอยากซื้อตาม นานิจะรอจนกว่าจะมีโปรโมชั่นมาให้เก็บทีหลัง


คติสอนใจ : นักลงทุนรุ่นใหม่หลายคนมีพฤติกรรมอย่างกับว่าถ้าไม่ได้ซื้อหุ้นตัวนี้แล้ว ชาตินี้จะไม่ได้มีโอกาสได้กำไรจากหุ้นอีกเลย แหม! ถ้าตกรถแล้ว ก็อย่าไปไล่เลยค่ะ หุ้นที่แพงไปแล้ว เรายอมตกรถ ดีกว่าได้ขึ้นรถไปแล้วมันพาไปดิ่งเหวทีหลังนะ วิเคราะห์หุ้นดีแล้ว อย่าทำทุกอย่างพังเพราะใจร้อน ในบางเวลา กลยุทธ์ที่ดีที่สุดอาจจะเป็นการถือเงินสดก็ได้ =)


 ผู้เขียน : นานิ นิธินวกร ผู้เขียนหนังสือ “สร้างเงินล้านก่อนเรียนจบ”

สนับสนุนข้อมูลโดย : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (www.set.or.th/onlineinvestor

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook