ล้อมคอกหัวหิน! หั่นราคา "ตำปูม้า" เหลือ 149บ.ซีฟู๊ด เผา350บ. ข้าวผัด 199บ. เร่งรื้อร้านล้ำชายหาด!
วันที่ 14 สิงหาคม ที่ห้องประชุมดำเนินเกษม เทศบาลเมืองหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายพรชัย ถมกระจ่าง นายอำเภอหัวหิน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสนับสนุนการปฏิบัติงานตามกฎหมายเพื่อจัดระเบียบชายหาดในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 15 พ.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ทองงามตระกูล รอง ผบก.ภ.จว.ประจวบฯ รักษาการแทน ผกก.สภ.หัวหิน นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองหัวหิน ฝ่ายปกครอง ตัวแทนสำนักงานการค้าภายใน และผู้ประกอบการ 22 รายบริเวณชายหาดหัวหินด้านข้างโรงแรมเซนทารา แกรนด์ บีซ รีสอร์ท แอนด์ วิลล่า หัวหิน เข้าร่วมประชุมเพื่อจัดระเบียบชายหาดตามนโยบายเร่งด่วนของ คสช. และการแก้ไขปัญหาราคาอาหารแพง โดยมีนักท่องเที่ยวนำไปเผยแพร่ในโลกออนไลน์ และบางรายเข้าแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.หัวหิน โดยมีการยอมความหลังจากผู้ประกอบการยอมขอโทษเนื่องจากมีการแก้ไขราคาอาหารในเมนู
นายพรชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมามีคำสั่งของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยนายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดฯให้ดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายสิ่งของออกจากพื้นที่บริเวณชายหาดภายในวันที่ 13 สิงหาคม หลังจากมีการขอผ่อนผันจากเดิมกำหนดในวันที่ 7 สิงหาคม แต่เมื่อครบกำหนดผู้ประกอบการได้ส่งตัวแทนเข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมถึงหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้รับเรื่อง โดยแนะนำให้ไปยื่นเรื่องร้องทุกข์กับจังหวัดโดยตรง
“ ที่ประชุมสรุปให้ผู้ประกอบการร้านค้าที่บุกรุกชายหาด ดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างถาวรให้เสร็จภายในวันที่ 18 - 22 สิงหาคมนี้ รวม 5 วัน จากนั้นทางคณะกรรมการฯจะเข้าไปจัดระเบียบในวันที่ 23 สิงหาคม โดยตอกหมุดกำหนดพื้นที่การเก็บสิ่งของ การประกอบอาหาร ร่มและเตียงผ้าใบ ไม่ให้ล้ำพื้นที่ที่ทางราชการกำหนด และให้ตั้งเต๊นท์ชั่วคราวจำหน่ายอาหารถึง 18.00 น จากนั้นเมื่อครบเวลาผู้ประกอบการต้องรื้อเต็นท์ และเคลื่อนย้ายสิ่งของเพื่อให้ชายหาดต้องโล่ง มีพื้นที่สันทนาการสำหรับประชาชนทั่วไป ส่วนมาตรการในการจัดระเบียบชายหาด มีการจัดทำแผนผังโดยให้ผู้ประกอบการแต่ละรายมีพื้นที่กว้าง 6 เมตร ยาว 15 เมตร เก็บอุปกรณ์ห่างจากแนวกำแพงริมหาด 1 เมตร และให้พื้นที่ปรุงอาหาร 3 เมตร มีการเว้นช่องทางเดิน 2 เมตร"
นายพรชัย กล่าวว่า จากนั้นให้มีการวางเก้าอี้ผ้าใบรายละ 48 และ โต๊ะกลาง 6 ตัว ร่ม 50 คัน โดยจะประเมินผลภายใน 6 เดือน ซึ่งในอนาคตะมีการจัดเก็บภาษีจากร้านค้า การจัดการปัญหาการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ และผู้ประกอบการอาจจะต้องเช่าพื้นที่กับทางราชการ เนื่องจากที่ผ่านมาประกอบการโดยไม่ต้องเสียค่าเช่า และ หลังการจัดระเบียบหากยังมีทัศนอุจาดหรือมีปัญหารุกล้ำออกมานอกเขต นักท่องเที่ยวร้องเรียนคณะกรรมการก็จะเข้าไปจัดการตามกฎหมายทันที
นายพรชัย กล่าวอีกว่า มี ข้อตกลงให้ผู้ประกอบการหยุดกิจการทุกวันพุธเพื่อร่วมกันพัฒนาทำความสะอาดชายหาด ล่าสุดมีตัวแทนจากสำนักงานการค้าภายในจังหวัด กำหนดราคาอาหารให้มีความเป็นธรรมกับนักท่องเที่ยว โดยจัดทำเมนูกลาง พร้อมทั้งติดป้ายแสดงราคาอาหารขนาดใหญ่จำนวน 2 จุดทางลงชายหาดหัวหินเพื่อแจ้งให้นักท่องเที่ยวทราบ หากผู้ประกอบการร้านค้ารายใดฝ่าฝืนก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดต่อไป สำหรับเมนูอาหารพิเศษของแต่ละร้านก็จะขอให้นำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการเพื่อกำหนดราคาตามต้นทุนการผลิต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการประชุมตัวแทนผู้ประกอบการได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันในการรื้อสิ่งปลูกสร้างทุกบุกรุกชายหาด โดยเฉพาะร้านอาหารขนาดใหญ่ โรงแรม ที่พัก ของกลุ่มผู้มีอิทธิพล ข้าราชการระดับสูงและเครือญาตินักการเมืองท้องถิ่น ซึ่งมีการก่อสร้างเป็นสิ่งปลูกสร้างถาวรรุกล้ำชายหาดบดบังภูมิทัศน์ บริเวณริมถนนนเรศดำริห์ ตั้งแต่สะพานปลาหัวหินถึงศาลเจ้าแม่ทับทิม โดยมีการสร้างห้องสุขา การทิ้งขยะ และ การปล่อยน้ำเสียลงทะเลโดยไม่ผ่านการบำบัด ต่อมาการชี้แจงว่าการดำเนินการในส่วนดังกล่าวขณะอยู่ระหว่างการพิจารณาของกระบวนการยุติธรรม หลังจากเทศบาลเมืองหัวหินได้แจ้งความดำเนินคดีตามพรบ.ควบคุมอาคาร 2522
นางจงกลนี ฤทธิรงค์ แกนนำผู้ประกอบการ 22 ร้านค้าชายหาดหัวหิน กล่าวว่า หลังจากทราบว่าจะมีการจัดระเบียบชายหาด โดยให้ดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำชายหาด เพื่อจัดระเบียบใหม่ ทำให้ผู้ประกอบการหวั่นวิตก เกรงจะไม่มีที่ทำกิน เนื่องจากที่ผ่านมาถูกขับไล่มาหลายครั้ง และ ผลการประชุมล่าสุด การจัดระเบียบถือว่าน่าพอใจ และทุกรายยินดีทำตามข้อตกลงโดยจะไม่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของเมืองท่องเที่ยวอย่างเด็ดขาด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับมาตรการด้านการกำหนดราคาอาหาร สำนักงานการค้าภายในจังหวัด ได้กำหนดราคากลาง โดยแยกราคาเตียงผ้าใบ ออกจากราคาอาหาร ให้คิดราคาเตียงผ้าใบชั่วโมงละ 20 บาท ต่อคน ส่วนราคาอาหารมีการปรับลดราคา เช่น สัมตำปูม้าเหลือราคาจานละ 149 บาท จาก 250 บาท , ทะเลเผาชุดละ 350 บาท ข้าวผัดปูสำหรับ 4 คน จานละ 199 บาท ทุกร้านจะต้องปิดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจน และจะต้องมีใบเสร็จระบุชื่อร้าน เพื่อให้สามารถตรวจสอบได้ในภายหลัง ซึ่งคณะกรรมการฯจะสุ่มตรวจร้านค้าอย่างต่อเนื่อง หากพบเห็นการกระทำผิด ครั้งแรกจะมีการเปรียบเทียบปรับ หากพบการกระทำผิดครั้งที่ 2 จะมีดำเนินตามโทษขั้นสูงคือปรับ 10,000 บาท และหากพบเห็นร้านค้าใดมีการเปลี่ยนเมนู จะมีการดำเนินการตามมาตรา 29มีโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 140,000 บาท