ปูยักษ์อลาสก้า มีเงินอย่างเดียวไม่พอ
กรรณิกา เพชรแก้ว (เรื่อง/ภาพ)
ในบรรดาอาหารที่เราสรรหาพามากินกันเกินกว่าขอบเขตของการประทังชีวิต หรือพูดให้มันตรงๆคือ อาหารที่มันแพงและมีจริตจะก้านประดับประดาจนเกินวิสัยอาหารปกติทั่วไป นี่น่าจะไม่มีอะไรเกิน ปูยักษ์อลาสก้า อีกแล้ว
ด้วยว่ามันทั้งแพง ทั้งหายาก คนจะได้กินต้องมีเงิน และต้องมีกิเลสในการบำรุงบำเรอชีวิตตนเองเกินมาตรวัดปกติไม่น้อย เพราะนอกจากมันจะแพงแล้ว มันยังมีให้หาซื้อไม่บ่อยนัก ต้องจับจ้องเวลาให้ดิบดี บ้างถึงแก่จับจองกันข้ามปี ถ้ามีมาจากต่างประเทศให้แจ้งโดยพลัน หากฉันไม่ทันกิน ฉันมีโกรธเหวี่ยงวีนครบสูตร
เรื่องฉะนี้เกิดขึ้นจริง ไม่เชื่อไปลองถามผู้ดูแลซุปเปอร์มาร์เก็ตในย่านคนดีมีเงินของเมืองกรุงหลายแห่งดู บัญชีจองปูยักษ์อลาสก้านั้นยาวเหยียด และจะตกหล่นใครมิได้
ปูยักษ์อลาสก้านั้น มันคือ ปูทะเลธรรมดา แต่มันตัวโต และมันมาจากทะเลแถบขั้วโลกเหนือ ซึ่งไม่ใช่ทะเลของอเมริกา หรือรัฐอลาสก้าอย่างเดียว แต่ครอบคลุมพื้นที่ขั้วโลกเหนือเกือบทั้งหมด แต่ที่เรียกว่าปูอลาสก้า เพราะอลาสก้าเป็นท่าเทียบเรือที่ใหญ่ ที่สุดสำหรับเรือประมงที่ตระเวนจับปลา ปู ในย่านนั้น คือจับมาแล้วต้องมาส่งที่ท่าอลาสก้า จากนั้นค่อยส่งออกไปทั่วโลก
ก็เหมือนเนื้อโกเบของญี่ปุ่น ซึ่งไม่ได้เป็นเนื้อที่ผลิตจากเมืองโกเบ หากแต่ส่งมาจากเมืองใกล้ๆ แล้วมาส่งออกผ่านเมืองโกเบ ซึ่งเป็นเมืองท่าใหญ่
ฉันเคยกินปูยักษ์อลาสก้าแล้ว กินที่อลาสก้าเลยด้วย และฉันรู้สึกว่างั้นๆ แหละ รสนิยมฉันไม่วิไลขนาดแยกแยะปูทะเลนั้นทะเลนี้ได้ ปูสำหรับฉันมันก็คือปู ปูทะเลอ่าวไทยก็อร่อยล้ำแล้วสำหรับฉัน และน่าจะสำหรับเราทุกคน
ที่ว่าปูยักษ์อลาสก้าหายากจนพาให้ราคาสูงลิ่วประหนึ่งเพชรพลอยนั้นหนึ่งเพราะทะเลขั้วโลกเหนือจับตัวเป็นน้ำแข็งเกือบตลอดปีจะว่างเว้นไม่กี่เดือนช่วงหน้าร้อนของที่นั่นเป็นเวลาที่เรือประมงล่าปลา ปู จะออกหากินกันอย่างครึกครื้น เวลาที่จำกัดไม่กี่เดือนย่อมทำให้กิจกรรมการล่าปู ปลา ทำได้ไม่มากนัก แม้จะเร่งรีบเพียงใด เวลาก็เป็นกรอบจำกัดอยู่
นอกจากนั้น ทะเลขั้วโลกเหนือ ยังเป็นทะเลที่ไม่มีมนุษย์รายใดอยากไปสัมผัส เพราะหนาวเย็น มืดครึ้ม (แม้ในหน้าร้อนก็ตามที) คลื่นและลมแรงเกินกว่าสิ่งมีชีวิตจะใช้ชีวิตเป็นปกติ จึงเป็นเหมือนทะเลนรก ที่คนกล้าตายเท่านั้นจึงจะอยากไปสัมผัส
นั่นทำให้กิจกรรมการหาปู ปลา ในทะเลแถบขั้วโลกเป็นเรื่องเสี่ยงอันตรายที่สุด เรือหาปู ปลา ลำใหญ่เท่าตึก 5 ชั้น จะต้องเจอคลื่นใหญ่สูงกว่าเท่าตัวซัดใส่อยู่ตลอดเวลา คนทำงานบนเรือต้องเสี่ยงภัยกับการถูกคลื่นและลมพัดตกเรือ เพราะเมื่อตกลงไปในน้ำที่เย็นจัดก็ยากจะมีชีวิตรอด
ค่าตัวคนทำงานบนเรือประมงล่าปู ปลา ในทะเลแถบขั้วโลกเหนือจึงสูงลิ่ว คนงาน 1 คน ทำงาน 3 เดือน ถ้าอยู่รอดปลอดภัยและทนได้ จะได้ค่าจ้างราว 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบล้านบาท เท่ากับค่าแรงกรรมกรยามปกติเกือบ 2 ปี จึงมีคนหนุ่มจากทั่วโลกบ่ายหน้าไปเสี่ยงชีวิตทำงานบนเรือเหล่านี้ทุกปี
ค่าตัวกรรมกรคนละล้าน ทำให้ราคาปูยักษ์อลาสก้าแพงจนสะท้านสะเทือนใจ เพราะฉะนั้นเวลาละเลียดเนื้อปูพวกนี้ ให้รู้ว่ามันคือปูธรรมดาที่ผ่านการจับโดยได้ค่าตัวคนละล้านนะคุณ
วิธีจับปู เขาก็ไม่ได้พิสดารอะไร เขาจะเอาเหยื่อเป็นปลา และอะไรต่อมิอะไรไปวางไว้ในลอบ เสร็จแล้วหย่อนลอบลงไปในทะเล พอถึงเวลาก็มากู้ลอบ แล้วเอาปูออกมาแยกขนาด ใส่ไว้ในน้ำให้มันไม่ตายจนกว่าจะถึงฝั่ง เพราะปูเป็นขายได้ราคาดีกว่าปูตาย
ฟังดูเหมือนไม่มีอะไรยาก แต่ที่ยากคือ ทุกอย่างที่ทำต้องทำบนเรือท่ามกลางคลื่นซัดตลอดเวลา ไม่มีหยุดนิ่งให้หายใจหายคอแม้แต่นิดเดียว อากาศและน้ำหนาวเย็นจัด คนงานจึงทำงานเหมือนหุ่นยนต์ กัดฟันอดทนให้มันผ่านไป เวลาพักก็หลับเป็นตายเพื่อจะตื่นมาสู้กับงานใหม่ เป็นเช่นนี้กันไปวันๆ
และเห็นอยู่ไกลโพ้นและหนาวเย็นเช่นนี้ เชื่อหรือไม่กรรมกรที่ไปทำงานมากที่สุดคือ คนจีน คนจีนคนหนึ่งแววตาแกแบบตายเป็นตาย บอกว่าผมพร้อมเสี่ยง เพราะเงินที่ได้มันเท่ากับผมต้องทำงานตลอด 2 ปี แกบอกว่าบ้านแกไม่เคยหนาวเกิน 15 องศาเซลเซียส แต่แกมาทำงานกลางทะเลที่อุณหภูมิติดลบ 10 องศาเซลเซียส เอากับแกสิ
เมื่อเรือขนปูมาถึงฝั่งก็จะมีเจ้าหน้าที่ด้านคุณภาพอาหารตรวจดู เจอปูล็อตไหนมีปัญหาเรื่องสารปนเปื้อนก็ต้องกำจัด แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยเจอ เพราะทะเลอาร์กติกทั้งไกล ทั้งหนาวเย็น ทั้งคลื่นแรง ไม่มีใครที่ไหนอยากไปทำอะไรปนเปื้อนแถบนั้นแน่ ทะเลแถบนั้นมีแต่นักวิจัยแขนงต่างๆ กองเรือป้องกันชายฝั่งของอเมริกา แล้วก็บรรดาเรือประมงหาปูหาปลาเท่านั้น
นักท่องเที่ยวที่ไปอลาสก้าเขาจะมีโปรแกรมทัวร์พาไปตกปลาในทะเลหนาวเหน็บไปจับปูแต่อันนั้นคือทำโชว์ให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปอวดกันเฉยๆจับกันแบบไก่กาการจับปลาจับปูแท้จริงของอลาสก้านั้นโหดเหนือโหด ดังนั้น ใครที่มีรูปจับปูจับปลาเล่นแบบนักท่องเที่ยวแถวอลาสก้า อย่าเอามาอวดเชียว
ฉันเคยถามเชยๆ ว่า ทำไม เขาไม่เพาะเลี้ยงปูเอาล่ะ จะต้องไปเสี่ยงชีวิตคนออกไปกลางทะเลลึกทำไม เจอเขาย้อนถามว่า จะเลี้ยงทำไม ในเมื่อกลางทะเลมันมีอยู่มากมาย จับเท่าไหร่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหมด เออ! สินะ
นอกจากจ้องจะกินมันนักหนาแล้ว ฉันเห็นนักท่องเที่ยวที่ไปอลาสก้าชอบถ่ายรูปกับปูยักษ์ตัวเป็นๆ ปล่อยให้มันดิ้นดุ๊กดิ๊ก ดิ้นรนจะเป็นอิสระโดยไม่ใส่ใจในความทุกข์ใจของมัน พากันแหกแข้งแหกขาปูแล้วยิ้มร่า เอามาอวดลูกหลาน คือจะกินมันเลยก็ไม่กิน ทรมานทรกรรมเขาอยู่นั่นแหละ
ฉันสงสัยว่า คนพวกนี้ป่วยหรือเปล่า?