คิดว่าตัวเองฉลาดในการเลือกหุ้นหรือยัง

คิดว่าตัวเองฉลาดในการเลือกหุ้นหรือยัง

คิดว่าตัวเองฉลาดในการเลือกหุ้นหรือยัง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังจากที่คราวก่อนได้พูดเรื่องการซื้อหุ้นให้กำไรไปแล้ว ว่าเราต้องซื้อบริษัทที่มี ‘catalyst’ มากระตุ้นราคานั้น วันนี้นานิอยากจะขอแชร์ประสบการณ์ที่ได้รับจากรุ่นพี่ที่นานินับถือว่าพี่กูรูเรื่องลงทุน ถึงเรื่องการเลือกหุ้นค่ะ

เรื่องมีอยู่ว่า นานิสนใจหุ้นอสังหาฯตัวหนึ่งที่เวียดนาม เพราะมั่นใจว่าเป็นหุ้นดีแน่นอน ด้วยเหตุผลว่า หนึ่งมี catalystในระยะสั้น อาทิเช่น
- จำนวนนักท่องเที่ยวเข้าเวียดนามเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือว่าสูงมากส่งผลให้โรงแรมในเครือของบริษัทมีจำนวนคนเข้าพักเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- ห้างสรรพสินค้าที่บริษัทสร้าง ตอนนี้มีผู้เช่าเกือบเต็ม แถมปีหน้าเวียดนามยังจะเริ่มอนุญาตให้ร้านค้าแบรนด์ดังจากต่างประเทศเข้ามาเปิดร้านในประเทศได้มากขึ้น ห้างก็ได้ประโยชน์ไปเต็มๆ
- คอนโดที่เค้าสร้างก็มีคนซื้อใกล้หมดแล้ว และกำลังจะรับรู้รายได้จากการซื้อขายในไตรมาสที่สองกับสามปีนี้ แถมดอกเบี้ยกำลังลด ทำให้คนพร้อมจะกู้มากขึ้น
สองมีเทรนในระยะยาว
- ถ้าวัดอัตราส่วนจำนวนและขนาดของห้าง ต่อจำนวนประชากรแล้วล่ะก็ อุตสาหกรรมห้างในเวียดนามนี่มีช่องและโอกาสเติบโตอีกมากๆๆๆเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆในอาเซียนแบบไทย สิงคโปร์ อินโดฯ
- GDP per Capita ของคนเวียดนามก็โตมาอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มจะโตต่อไปเรื่อยๆ คนกำลังเริ่มมีกำลังซื้อมากขึ้นเรื่อยๆ
- หนี้ของบริษัทถึงจะเยอะ แต่เมื่อเทียบกับรายได้แล้ว เราไม่มีปัญหาในการจ่ายคืนแน่นอน เพราะจะมีรายได้ค่าเช่าเข้ามาอย่างสม่ำเสมอในอีกสองสามปีข้างหน้า เพียงพอต่อการใช้หนี้ได้สบายๆ ฯลฯ อีกมากมาย
แต่เมือนานิได้โอกาสแชร์ถึงสิ่งที่นานิคิดแก่รุ่นพี่ กลับโดนคำถามของรุ่นพี่ที่ทำให้งงเบย
1. ราคาเฉลี่ยของคอนโดที่เค้าขาย คือเท่าไหร่ต่อตารางเมตร แล้วเมื่อเทียบเป็นอัตราส่วนต่อรายได้ต่อหัวของประชากรแล้ว คุณคิดว่ามีประชากรกี่เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมด ที่จะจ่ายค่าคอนโดนี้ไหว?
2. อัตราส่วนราคาคอนโดต่อรายได้นี่ เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ราคาอสังหาฯ เวียดนามแพงแค่ไหน?
3. อัตราส่วนพื้นที่ในห้างที่แบ่งให้เป็นส่วน ร้านอาหาร, ร้านเสื้อผ้า, สะดวกซื้อ ฯลฯ แต่ละส่วนมันกินพื้นที่กี่เปอร์เซ็นต์ แล้วคุณคิดว่าผู้บริหารทำแบบนี้ถูกมั้ย ได้กำไรสูงสุดรึเปล่า จริงๆคุณคิดว่าเค้าควรให้พื้นที่ร้านอาหาร หรือร้านเสื้อผ้ามากกว่ากัน?
4. ค่าประกันความเสี่ยงค่าเงินเวียดนาม สำหรับนักลงทุนต่างประเทศเท่าไหร่ต่อปี เครื่องมือทางการเงินสำหรับการประกันความเสี่ยงค่าเงิน มันพร้อมแค่ไหน เชื่อถือได้มั้ย และที่สำคัญมันมีสภาพคล่องมากพอรึเปล่า ฯลฯ

ขอสรุปข้อคิดง่ายๆดังนี้ละกันนะค่ะ
1. จะดูหุ้นอะไร อย่าดูแค่มุมมองเดียว ต้องคิดหลายๆมุม
2. ข้อนี้สำคัญกว่าข้อแรกสิบเท่า คือ ‘คนส่วนใหญ่ประเมินว่าตัวเองฉลาดกว่าความเป็นจริง’ และนี่ทำให้คนขาดทุนและไม่สามารถอยู่รอดในตลาดได้ คุณคิดผิด เลือกผิด ไม่เป็นไร เอาใหม่ได้ ขอแค่จงระลึกอยู่เสมอว่า ‘เราไม่ได้ฉลาดอย่างที่คิด’ ต้องคอยหาความรู้และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ แบบนี้แหละ ถึงจะอยู่รอดได้ในระยะยาว

วันนี้ฝากไว้เท่านี้ค่ะ แล้วเจอกัน ^_^

ผู้เขียน : นานิ นิธินวกร ผู้เขียนหนังสือ “สร้างเงินล้านก่อนเรียนจบ”

สนับสนุนข้อมูลโดย : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (www.set.or.th/onlineinvestor

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook