สคร.เร่งรื้อเกณฑ์ประเมินโบนัส-เงินเดือนพนักงานรสก. ผงะการบินไทยขาดทุนบักโกรก แต่ยังอยู่กลุ่ม A

สคร.เร่งรื้อเกณฑ์ประเมินโบนัส-เงินเดือนพนักงานรสก. ผงะการบินไทยขาดทุนบักโกรก แต่ยังอยู่กลุ่ม A

สคร.เร่งรื้อเกณฑ์ประเมินโบนัส-เงินเดือนพนักงานรสก. ผงะการบินไทยขาดทุนบักโกรก แต่ยังอยู่กลุ่ม A
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายกุลิศ สมบัติศิริ ผู้อำนวยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ขณะนี้สคร.กำลังพิจารณาเกี่ยวกับการปรับสิทธิ์ประโยชน์พนักงานรัฐวิสาหกิจใหม่ โดยกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับเกณฑ์การประเมินคุณภาพรัฐวิสาหกิจ(SEPA) ซึ่งจะพยายามทำให้แล้วเสร็จในปีงบ 2558 เพื่อให้มีผลต่อการพิจารณาในเรื่องโบนัส และเงินเดือนพนักงานรัฐวิสาหกิจในช่วงปี 2559 ที่จะต้องนำผลการดำเนินการงานปี 2558 มาพิจารณา ซึ่งการปรับเกณฑ์ครั้งใหม่นี้จะมีการพิจารณาสำหรับรัฐวิสาหกิจที่ขาดทุน ที่ควรจะได้รับโบนัสบ้าง เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจต่อพนักงานและผู้บริหาร ที่จะดำเนินการตามแผนฟื้นฟู จากเดิมนั้นหากเป็นรัฐวิสาหกิจที่ขาดทุนจะหมดสิทธิ์ได้รับโบนัส

“คงต้องไปดูว่าเกณฑ์การประเมินที่มีอยู่นั้นเหมาะสมหรือไม่ควรปรับเปลี่ยนอะไรและการให้คะแนนง่ายไปหรือไม่ พร้อมทั้งต้องให้ความเป็นธรรมกับรัฐวิสาหกิจที่ไม่เคยมีกำไร อาจจะต้องจ่ายโบนัสให้บ้าง เพื่อให้พนักงานมีกำลังใจในการทำงานเพื่อองค์กรต่อไป ตรงนี้จะต่างจากของเดิมที่หากขาดทุนจะไม่มีโอกาสได้รับโบนัสเลย”นายกุลิศ กล่าว

ทั้งนี้เดิมทีการประเมินนั้น สคร.จะให้น้ำหนักใน 3 ส่วนคือ 1.การดำเนินงานตามนโยบาย น้ำหนัก 20-30% 2. ผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ น้ำหนัก40-50% และ 3. การบริหารจัดการองค์กร น้ำหนัก 30% หากหน่วยงานใดได้ 5 คะแนนเต็ม สามารถจ่ายโบนัสได้ 11% ของกำไรสุทธิ หรือคิดเป็น 8 เท่าของเงินเดือน ไล่ลงมาหากได้ 4.5 คะแนนจ่ายโบนัสได้ 10.5% ของกำไรสุทธิ หรือไม่เกิน 7 เท่าของเงินเดือน ได้ 4 คะแนน จ่ายโบนัสได้ 10% ของกำไรสุทธิ หรือไม่เกิน 6 เท่าของเงินเดือน  ไล่ลงมาหากได้ หากได้ 2.5 คะแนน จ่ายโบนัสได้ 8.5% ของกำไรสุทธิ หรือไม่เกิน 4.5 เท่าของเงินเดือนได้ 2 คะแนน ได้ 1 คะแนนถือว่าต่ำมาก จ่ายโบนัสได้ 7% ของกำไรสุทธิ หรือไม่เกิน 2 เท่าของเงินเดือน แต่ถ้าขาดทุนไม่มีสิทธิ์จ่ายโบนัส

นอกจากนี้กำลังพิจารณาปรับเปลี่ยนการจัดกลุ่มรัฐวิสาหกิจ A B C ใหม่ให้เหมาะสม เพราะของเดิมนั้นใช้มานานหลายปี บางรัฐวิสาหกิจมีผลการดำเนินการที่ดีขึ้นควรจะได้รับการปรับจากกกลุ่ม B หรือ C ให้มาอยู่กลุ่ม A และบางรัฐวิสาหกิจอาจจะต้องตกชั้นจากกลุ่ม A เพราะมีผลประกอบการที่แย่ลง โดยขณะนี้กลุ่ม A มี 7 แห่ง อาทิ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) การไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.) ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด( บวท.) บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) กลุ่ม B มี 26 แห่ง อาทิ ธนาคารออมสิน การประปานครหลวง บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด สถาบันวิจัย โรงงานยาสูบ การท่าเรือแห่งประเทศไทย การเคหะแห่งชาติ บริษัท ขนส่ง จำกัด กลุ่ม C มี 22 แห่ง อาทิองค์การสุรา โรงงานไพ่ การกีฬาแห่งประเทศไทย โรงพิมพ์ตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ องค์การคลังสินค้า องค์การสะพานปลา องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร องค์การตลาด องค์การจัดการน้ำเสีย ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook