เอเซียติค อุตสาหกรรมเกษตร

เอเซียติค อุตสาหกรรมเกษตร

เอเซียติค อุตสาหกรรมเกษตร
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังจากโตในต่างประเทศมานาน “เอเซียติค” เริ่มหันมาทำตลาดในเมืองไทย ด้วยวัตถุดิบหลัก “มะพร้าว” ที่ใช้มากถึง 2 แสนลูกต่อวัน  

                                

                

บริษัท เอเชียติค อุตสาหกรรมเกษตร จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2537 ในช่วงแรกของการดำเนินงาน บริษัทเป็นเพียงผู้รับจ้างผลิตและส่งออกกะทิและน้ำมะพร้าวบรรจุกระป๋องภายใต้แบรนด์ต่าง ๆ ของลูกค้าในต่างประเทศ ต่อมาได้พัฒนาผลิตภัณฑ์กะทิบรรจุกระป๋อง และน้ำมะพร้าวบรรจุกระป๋องในแบรนด์ของตนเอง ส่งออกไปจำหน่ายใน 74 ประเทศทั่วโลก ทั้งในทวีปอเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย เอเชีย และตะวันออกกลาง โดยมีตลาดใหญ่ที่ทวีปสหรัฐอเมริกาและยุโรป มูลค่าการส่งออกไม่น้อยกว่า 1,500 ล้านบาท และมีอัตราเฉลี่ยการเติบโตของตลาดทั่วโลกประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์  

       

ผลิตภัณฑ์ที่ส่งขายตลาดต่างประเทศ ประกอบด้วย กะทิบรรจุกระป๋อง COCO กะทิบรรจุกล่องและกระป๋อง Oriental chef กะทิบรรจุกล่องและกระป๋อง SINSERE กะทิบรรจุกล่อง Ampawa น้ำมะพร้าวบรรจุกระป๋อง COCOMAX  น้ำมะพร้าวและเนื้อมะพร้าวบรรจุกระป๋อง My Way

ประสบความสำเร็จในตัวผลิตภัณฑ์ทั้ง 6 แบรนด์ ในตลาดต่างประเทศแล้ว ปีนี้บริษัทเตรียมทำตลาด 3 แบรนด์ในเมืองไทย ได้แก่ กะทิอัมพวา นมมะพร้าว Milky COCO และน้ำมะพร้าวพร้อมดื่ม COCOMAX  โดยตั้งเป้าเติบโต 10-15% 


คุณณัฐพล วิสุทธิไกรสีห์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเซียติค อุตสาหกรรมเกษตร จำกัด เล่าให้ฟังว่า บริษัทมองเห็นโอกาสจากการผลิตผลิตภัณฑ์มะพร้าว ผลไม้ขึ้นชื่อของเมืองไทย มีแหล่งปลูกอยู่ที่อัมพวา ไล่ไปทางใต้ของประเทศ ตั้งแต่เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ไปจนถึงสามจังหวัดชายแดนใต้ โดยใช้มะพร้าวเป็นวัตถุดิบมากกว่า 2 แสนลูกต่อวัน ซึ่งในบางฤดูกาลมีไม่เพียงพอ ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ


“เมืองไทยมีกะทิสำเร็จรูปมานาน 20-30 ปี หาซื้อง่าย สะดวก ไม่แพง แต่น่าแปลกใจ ทำไมสัดส่วนการตลาดกะทิสำเร็จรูปมีไม่ถึง 50% ส่วนหนึ่งเราทำวิจัยตลาด พบว่าความต้องการของผู้บริโภคมองว่ากะทิสำเร็จรูปยังไม่ดีเท่าไหร่ คนที่พิถีพิถันในการทำอาหารมืออาชีพหรือแม่ค้าขนมหวาน ไม่รับกะทิสำเร็จรูปเลย เราแปลกใจ ก็ไปสำรวจ พบว่าเรื่องรสชาติสำคัญมาก ต่างกลัวรสชาติไม่อร่อยอย่างที่คิด บริษัทจึงพัฒนาสูตรใหม่ แบรนด์กะทิอัมพวา เริ่มต้นเมื่อกลางปีที่แล้ว รสชาติใกล้เคียงกับกะทิสด เพื่อเติมเต็มช่องว่างและจับกลุ่มตลาดพรีเมียม ”


ที่ผ่านมาแนวทางการตลาดและจุดเน้นในการทำธุรกิจชัดเจนมาตลอด โฟกัสที่ผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวบรรจุขวดและกล่อง โดยอาศัยองค์ความรู้ในการผลิตตามความเชี่ยวชาญ โดยมีโรงงานอยู่ที่อัมพวา ซึ่งนอกเหนือจากที่เป็นหนึ่งในบริษัทไทยที่ได้รับความเชื่อถือในตลาดโลกแล้ว


ในปีนี้ความตั้งใจคือ นำสินค้าที่มีคุณภาพในระดับส่งออกกลับมาให้ผู้บริโภคไทยได้รับประทานของดีที่คนไทยผลิต ใช้เงินลงทุนสร้างแบรนด์และทำตลาดในประเทศทั้ง 3 แบรนด์ในปีแรกนี้ 50 ล้านบาท เน้นที่น้ำมะพร้าวแท้ 100% COCOMAX ที่ตั้งเป้าตลาดในประเทศปีแรกนี้ไว้ที่ 2.5 ล้านขวด และอีก 5 ล้านขวดสำหรับตลาดส่งออก


“ตลาดในประเทศจะเติบโตไม่น้อยกว่า 10% ในปีหน้า ด้านการตลาดจะเพิ่มเรื่องการสร้างแบรนด์ และให้ความรู้เรื่องคุณประโยชน์ของน้ำมะพร้าว ส่วนกะทิอัมพวาที่จะวางปีนี้ จะเน้นที่การขยายจุดจำหน่ายให้ครอบคลุมทุกพื้นที่หลักตามแผนตลาดที่วางไว้ และต้องโตขึ้นอย่างน้อย 1% ของตลาดกะทิสำเร็จรูป ซึ่งเน้นจุดขายที่คุณภาพสินค้าเป็นหลัก และนมมะพร้าว MILKY COCO เน้นจำหน่ายที่ร้านสุขภาพทั่วกรุงเทพฯ 300,000 ขวด และได้มีการปรับบรรจุภัณฑ์มาเป็นขวด PET เช่นเดียวกับของ COCOMAX”   


คุณณัฐพล กล่าวว่า การทำตลาดสินค้าจากมะพร้าว สิ่งสำคัญต้องประชาสัมพันธ์ให้รู้ว่านอกจากของสด มีทางเลือกใหม่ ความคาดหวังของคนไทย รสชาติดี ไม่ว่ากะทิหรือน้ำมะพร้าว แน่นอนอาจไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนของสด แต่อยู่ในระดับที่ผู้บริโภครับได้ 


“จุดแรกที่ต้องทำ คือ การขยายช่องทางการจำหน่าย การประชาสัมพันธ์ให้รู้จักแบรนด์สินค้าเรา ระยะแรกเน้นให้คนได้ลองสินค้า เพื่อให้รู้ว่ารสชาติดี โดยลงพื้นที่กลุ่มเป้าหมาย เช่น โรดโชว์เจาะกลุ่มพนักงานออฟฟิศ เปิดบู๊ธลองชิม และจัดกิจกรรมให้มีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์”

และนี่คือความมุ่งมั่นของเอเซียติก ที่ต้องการดันแบรนด์มะพร้าว “นม น้ำ กะทิ” โตในไทย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook