วิกฤตพลิกชีวิต...ล้มได้ ก็ลุกได้

วิกฤตพลิกชีวิต...ล้มได้ ก็ลุกได้

วิกฤตพลิกชีวิต...ล้มได้ ก็ลุกได้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตลาดหุ้นมีความผันผวนตลอดเวลา เมื่อมี “หุ้นขึ้น” ก็ต้องมี “หุ้นลง” สลับกันแบบนี้เรื่อยไป ไม่แตกต่างกับชีวิตของเราอาจจะเจอช่วง “ขาขึ้น” ที่เจอแต่สิ่งดีๆ ทำอะไรก็ประสบความสำเร็จ จับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปหมดและบางช่วงอาจจะเป็น “ขาลง” ที่เจอแต่เรื่องแย่ๆหลายเรื่องพร้อมกัน เหมือนโปรโมชั่นชีวิตขาลงที่จะทำอะไรล้วนเจอแต่อุปสรรค หากเราเข้าใจสัจธรรมตรงนี้ก็จะสามารถทำใจและปรับตัวให้เข้ากับแต่ละสถานการณ์ได้ดียิ่งขึ้น


คุณศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิ หรือที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีในชื่อของ "ศิริวัฒน์แซนด์วิช"  เป็นอดีตนักลงทุนที่ครั้งหนึ่งเคยประสบความสำเร็จสูงสุดในชีวิตจากการเป็นผู้บริหารหลักทรัพย์และเจ้าของโครงการคอนโดมิเนียมมูลค่าหลายพันล้านบาทและรู้จักกับคำว่าล้มละลายในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 ชีวิตที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมายเหล่านี้ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับใครหลายๆคนที่เจอวิกฤตเช่นเดียวกันให้ผ่านพ้นมาได้ รวมถึงเป็นประสบการณ์ให้กับนักลงทุนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดีในเรื่องการลงทุนอย่างไม่ประมาท

3 บทเรียนจากวิกฤตพลิกชีวิต...ล้มได้ ก็ลุกได้


บทเรียนที่ 1 การประสบความสำเร็จนั้นนำไปสู่ความล้มเหลว
 เมื่อเราทำอะไรที่ประสบความสำเร็จไปทุกอย่าง ทำธุรกิจอะไรก็เติบโตได้กำไรมากมายและไม่เคยล้มเหลวเลยนั้นเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก เพราะเราจะมีความมั่นใจสูงสุดว่าทุกอย่างต้องทำสำเร็จ เมื่อความมั่นใจมีมากล้นจนมองไม่เห็นสัญญาณของความล้มเหลวก็จะทำให้เราตัดสินใจด้วยความประมาท เช่น กู้เงินมาทำธุรกิจเพื่อให้กิจการขยายตัวเร็วที่สุดเพราะมั่นใจว่าเป็นโอกาสที่สร้างกำไรได้อย่างมหาศาล โดยไม่ระมัดระวังว่าหากเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นจะมีแผนสำรองอย่างไร เหมือนชีวิตที่ไม่รู้จักวางแผนฉุกเฉินเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นหากผลลัพธ์ออกมาไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิดไว้ ดังนั้น หากเรามีความมั่นใจกับทุกเรื่องก็ควรใส่คำว่า “ระมัดระวังและไม่ประมาท” เข้าไปด้วย เพื่อเป็นความมั่นใจที่ประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์
 
บทเรียนที่ 2 เราจะรู้สึกดีขึ้นหากเจอคนที่แย่กว่าเรา
 ช่วงปี 40 หลายคนมีหนี้สินเพิ่มขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัวหรือถูกให้ออกจากงานกระทันหัน เมื่อไม่มีงานทำบวกกับหนี้สินพอกพูน ทำให้หลายคนเกิดความเครียด ไม่มีจิตใจที่อยากจะหายใจอยู่บนโลกนี้อีกต่อไปจึงหนีปัญหาด้วยวิธีฆ่าตัวตายมากขึ้นเพราะคิดว่าปัญหาของตนเองนั้นใหญ่เกินกว่าจะแก้ไขได้ จากกรณีของคุณศิริวัฒน์ที่ยืนขายแซนด์วิชก็มีทั้งคนที่มาให้กำลังใจให้เขาสู้ต่อไปและบางคนที่มาขอบคุณเรื่องราวหนี้สินพันล้าน จนทำให้เขาเลิกคิดฆ่าตัวตายเพราะทำให้รู้สึกว่าหนี้ของคนอื่นมากกว่าแต่ก็ยังสู้ชีวิต ส่วนหนี้ของตนเอง 15 ล้านนั้นดูเล็กลงไปมาก

บทเรียนที่ 3 ล้มได้...ก็ลุกได้
 จิตใจที่ไม่เคยถูกกระทบกระเทือนจากความล้มเหลวนั้นเป็นเหมือนเพชรเม็ดงามที่ถูกฝังอยู่ในเหมืองไม่มีใครเห็นความงดงาม แต่ถ้าหากจิตใจผ่านพ้นเรื่องราวเลวร้ายที่สุดในชีวิตมาได้ก็จะเหมือนเพชรที่ถูกเจียระไนกลายเป็นเพชรเม็ดงามทรงคุณค่าที่ใครๆต้องการครอบครอง จากกรณีของคุณศิริวัฒน์ที่ได้รับประสบการณ์เลวร้ายจนทำให้มีจิตใจที่เข้มแข็ง มีความอดทนกับปัญหา กล้าเผชิญหน้ากับสิ่งต่างๆ ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์และใช้ความรู้ความสามารถที่มีสร้างทรัพย์สินขึ้นมาใหม่ได้


 "ศิริวัฒน์แซนด์วิช" นับเป็นตัวอย่างประสบการณ์ชีวิตที่ครบรสชาติมากๆ ซึ่งคนรุ่นใหม่ควรศึกษาเป็นกรณีตัวอย่าง เพื่อจะได้ระมัดระวังในการใช้ชีวิตและการลงทุนมากขึ้น แม้ว่าปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอาจจะแตกต่างกับในอดีต แต่เราสามารถนำวิธีคิดเหล่านี้ไปปรับใช้ได้ เพราะไม่มีใครสามารถคาดการณ์อนาคตถูกต้อง 100% เราเพียงใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาทโดยเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีตเป็นตัวนำทางเพื่อไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอย

ผู้เขียน : อภินิหารเงินออม
สนับสนุนข้อมูลโดย : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย  (www.set.or.th/onlineinvestor


หมายเหตุ : ขอบคุณข้อมูลการสัมภาษณ์จากหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
คอลัมน์: อาทิตย์เอกเขนก: 'ศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณ' คนสู้ชีวิต ผู้ไม่ท้อ
 http://www.ryt9.com/s/tpd/1269932

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook