ภาคเอกชนเสนอรัฐบาล "ปฏิรูปภาษีสรรพสามิต" เสนอเลิกเก็บภาษีโทรคมนาคม
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเสนอกระทรวงการคลังเร่งปฏิรูปภาษีสรรพสามิต เน้นทบทวนวัตถุประสงค์การจัดเก็บภาษีให้ชัดเจน ระบุควรยกเลิกการจัดเก็บภาษีในกิจการโทรคมนาคม
วันที่ 16 กันยายน ที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย นายกิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงษ์ ประธานคณะกรรมการกฏหมายภาษี สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยผลวิจัยการปฏิรูปโครงสริางภาษีสรรพสามิต ของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยว่า ทางสภาหอหารค้าแห่งประเทศไทยเห็นว่ากฏหมายสรรพสามิตควรมีการทบทวนวัตถุประสงค์การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตและกำหนดวัตถุประสงค์ให้ชัดเจน พิจารณายกเลิกการจัดเก็บภาษีสรรพาสามิตจากสินค้าและบริหารบางประเภท รวมทั้งกำหนดให้มาตรการทางภาษีเอื้อต่อการพัฒนาเทคโนโลยีและการรักษาสิ่งแวดล้อม หรือจูงใจให้ผลิต นำเข้าสินค้าที่เป็นอันตรายน้อยลง
นางสาวศิริญญา ดุสิตนานนท์ หัวหน้าโครงการวิจัยปฏิรูปภาษีสรรพสามิต มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า จากการศึกษาในกลุ่มสินค้าหลักที่ทำรายได้สูงสุดให้กรมสรรพสามิต ได้แก่ น้ำมัน รถยนต์ สุรา เบียร์ ยาสูปและเครื่องดื่ม รวมทั้งสินค้าอื่นๆ ทำรายได้ในปีงบประมาณ 2556 จำนวน 432,868 ล้านบาท พบว่าวัตถุประสงค์ในการจัดเก็บนั้นยังขาดวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนและเหมาะสม ส่วนใหญ่มุ่งเน้นแต่รายได้ จึงควรมีการทบทวนและกำหนดวัตถุประสงค์ของการจัดเก็บภาษีของสินค้าแต่ละประเภทให้เหมาะสมและเป็นธรรม เนื่องจากภาษีสรรพสามิตเป็นภาษีทางอ้อมที่เก็บจากการบริโภคสินค้าเพียงบางประเภทที่ก่อให้เกิดผลกระทบทางลบ ดังนั้น หากรัฐต้องการสร้างรายได้ ควรใช้เครื่องมือทางภาษีอื่นมากกว่าภาษีสรรพสามิต
นอกจากนี้ยังเห็นว่า ควรมีการวางแผนปฏิรูปภาษีสรรพสามิตโดยมุ่งสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับภาคเอกชน เช่นการปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดเก็บทั้งด้านการกำหนดโครงสร้างภาษี โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจด้านโทรคมนาคม ไม่ควรที่จะมีการจัดเก็บ ขณะที่ฐานการคำนวนการเก็บภาษีควรเท่าเทียมกัน เช่น รถยนต์ และสุรา
นางสาวศิริญญา กล่าวว่า ควรปรับลดอัตราภาษีที่เก็บจากน้ำมันและปรับโครงสร้างราคาแอลพีจีให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อให้มีส่วนต่างกับราคาก๊าซโซฮอล์มากขึ้น โดยเก็บภาษีให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงในผลิตภัณฑ์น้ำมันทุกชนิด รวมทั้งการปรับขึ้นอัตราภาษีควรคำนึงถึงประเทศเเพื่อนบ้านเพื่อป้องกันปัญหาการลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฏหมาย
ทั้งนี้ จะมีการนำเสนอผลวิจัยให้กับกระทรวงการคลังพิจารณาตามแนวทางการปฏิรูปประเทศโดยเร่งด่วน