แม่จน สอนลูกรวย
หากเราจะพัฒนาตนเองขึ้นมาจากการเรียนรู้ชีวิตของผู้อื่น คงไม่จำเป็นต้องเรียนรู้จากมุมของบุคคลที่ประสบความสำเร็จเสมอไป เพราะด้านที่ไม่สำเร็จก็เป็นบทเรียนที่ดีได้ไม่แตกต่างกัน… ใช่ค่ะ เรากำลังพูดถึงความจนของแม่ที่น่าจะสอนให้ลูกรวยได้เหมือนกัน ฟังแบบนี้แล้วอาจเป็นคัมภีร์ที่ไม่น่าเชื่อถือนัก แต่ก็เป็นหลักปฏิบัติที่ใครๆ คิดว่าง่าย แต่มักทำกันไม่ได้สักที
-อย่าเป็นหนี้ใครเด็ดขาด ที่แม่บอกและสอนแบบนี้ได้ เพราะแม่เคยเป็นหนี้มาแล้ว ตอนนั้นแม่เป็นหนี้ประมาณ 100,000 บาท สำหรับคนอื่นอาจเป็นตัวเลขที่ไม่เป็นภาระ แต่สภาพลูกหนี้ของแม่มันอึดอัด ใช้เวลาเป็นปีก็ยังหาเงินใช้หนี้ไม่ได้ สุดท้ายต้องขายที่ ขายทอง ใช่…แม่บริหารจัดการหนี้สินที่ค้างชำระได้ แต่กลับต้องสูญเสียทรัพย์สินทั้งในส่วนที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ ที่นับวันจะมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงทองซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ราคาไต่ระดับขึ้นเสมอ นั่นก็เท่ากับว่าเป็นการสูญเสียมูลค่าส่วนต่างที่เราสมควรจะได้ในอนาคต หากเราไม่เป็นหนี้ในวันนั้น
- ลดรายจ่าย ได้ผลกว่าเพิ่มรายได้ เคยเดินไปถามแม่ว่าจะเปลี่ยนงาน หรือ จะประหยัดดีกว่ากัน? คำตอบของแม่คงมาจากความสงสารลูก เพราะกลัวลูกเหนื่อยจากการทำงานที่แม้จะมีรายได้เพิ่มสูงขึ้น แต่มันมักมาพร้อมกับงานและความเครียดที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน จริงๆ แม่ไม่ต้องตอบแบบนั้น เราก็พอจะทบทวนถึงพฤติกรรมของตัวเองที่ผ่านมาได้ว่า ตอนเริ่มทำงานใหม่ๆ รับเงินเดือนไม่ถึงหลักหมื่น เราก็กินใช้อยู่ภายใต้หลักตัวเลขที่มี พออายุงานเพิ่มขึ้น เงินเดือนเพิ่มขึ้น ความต้องการและความจำเป็นของเราก็เพิ่มตามเงินเดือน มันจึงไปถึงจุดที่เรียกว่า “ไม่เคยพอ” การลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น จึงเป็นแนวทางที่ถาวร และเป็นไปได้จริงมากกว่า
- ทำบัญชีรับจ่าย แม่ไม่เคยทำบัญชีรายรับ รายจ่ายมาก่อนเลย ได้เงินมาเท่าไร ใช้ไปตามความจำเป็น แต่เรื่องของแม่จำเป็นทุกอย่าง ดังนั้นพอสิ้นเดือนแม่จึงประสบปัญหาเงินขาดมืออยู่บ่อยๆ การทำบัญชีรายรับ รายจ่าย นอกจากจะทำให้เราเห็นตัวเลขการใช้จ่ายของเราอย่างชัดเจนขึ้นแล้ว ในบทสรุปสุดท้ายเราจะได้รู้ว่าเราเสียเงินไปกับส่วนใดมากที่สุด และพิจารณาได้ว่าส่วนที่เสียนั้นจำเป็นมากแค่ไหน รวมไปถึงเราจะแบ่งสรรเงินสำหรับการออมไว้จำนวนเท่าไร และที่สำคัญยังทำให้เราวางแผนการเงินในอนาคตได้อีกด้วย
-ออมวันนี้ พรุ่งนี้ก็มีเงิน เงินของแม่ใช้จ่ายหมดไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว แต่หากลองคิดกันเล่นๆ ถ้าเราใช้จ่ายเงินออกไปทุกวัน โดยไม่คิดว่าจะต้องมีเหลือเก็บ นั่นมันเหมือนการใช้ชีวิตแบบคนประมาท หากในทางกลับกันที่เรามองจากตัวอย่างแม่ ถ้าวันนี้เรากลับจากออฟฟิศแล้วลองหยอดกระปุกทุกๆ วันๆ ละ 10 บาท สำหรับคนที่ใช้เงินแบบเดือนชนเดือนคงรู้ว่า ถ้าเราหยอดกระปุกแบบมีวินัย ตอนสิ้นเดือนเราจะมีเงินร่วม 300 บาท ไว้ใช้ยังชีพก่อนจะรับเงินเดือนอีกรอบ แบบนี้คงเชื่อได้แล้วว่า “ออมวันนี้ พรุ่งนี้ก็มีเงิน”
คำสอนง่ายๆ ของแม่ ยังไม่ได้ทำให้ลูกรวยขึ้นในปัจจุบัน แต่ลูกก็ได้เห็นชีวิตที่ผ่านมา และ ณ ปัจจุบันของแม่ที่แม้จะยังจนอยู่ แต่แม่ก็ดูมีความสุขดี นั่นอาจเป็นเพราะแม่เชื่อว่าชีวิตของแม่จะเป็นตัวอย่างที่ดี และทำให้ลูกรวยได้แบบคนที่รู้จักความพอเพียง
โดย Suwimol Lucksaniyanont