กรุงศรีเข้มอนุมัติบัตรรูด ส่องประวัติกู้ย้อนหลัง 2 ปี
แหยงหนี้ครัวเรือนพ่นพิษก่อ NPL "กรุงศรี คอนซูมเมอร์" เข้มเกณฑ์อนุมัติบัตรทุกประเภท ตรวจสอบประวัติชำระหนี้ย้อนหลังเพิ่มเท่าตัวทุกกลุ่มรายได้ จากเดิม 12 เดือน เป็น 24 เดือน พร้อมลดสัดส่วนอนุมัติบัตรใหม่กลุ่มรายได้ 1-3 หมื่นบาทต่อเดือนฮวบ 5%
นายฐากร ปิยะพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส จำกัด หรือกรุงศรี คอนซูมเมอร์ เปิดเผยว่า จากภาวะหนี้ครัวเรือนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลทำให้สัดส่วนหนี้ต่อรายได้ของภาคครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้นต่อเรื่อง และยังเป็นความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในอนาคต ดังนั้น ธนาคารจึงได้ปรับเกณฑ์การอนุมัติทุกกลุ่มบัตร และทุกกลุ่มรายได้ของบริษัท ทั้งบัตรกดเงินสด และบัตรเครดิตทุกประเภท โดยมีการตรวจสอบพฤติกรรมการชำระหนี้ย้อนหลังไปมากขึ้น จาก 12 เดือน เป็น 24 เดือน ทั้งกรณีลูกค้าเก่าที่ต้องการอัพเกรดบัตรไปสู่บัตรที่มีวงเงินสูงขึ้น และกรณีผู้สมัครบัตรใหม่
"เรามีการดูการชำระย้อนหลังไปมากขึ้น จากเดิมบริษัทจะดูประวัติการชำระเงินย้อนหลังแค่ 12 เดือนเท่านั้น ซึ่งเริ่มใช้เกณฑ์ใหม่นี้มาตั้งแต่ปลายไตรมาส 2 เป็นต้นมา เพื่อป้องการเกิด NPL" นายฐากรกล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังเข้มงวดการอนุมัติสินเชื่อให้กับกลุ่มลูกค้าผู้มีรายได้ต่อเดือน ระหว่าง 10,000-30,000 บาท เช่นเดียวกับช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าเศรษฐกิจจะมีสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น เนื่องจากพบว่า ภาระหนี้ต่อรายได้ของกลุ่มดังกล่าวเริ่มตึงตัวมากขึ้น และยังไม่เห็นสัญญาณว่าสัดส่วนจะลดลงภายในสิ้นปีนี้ ทำให้บริษัทมีการปรับโอกาสการอนุมัติทุกบัตรในกลุ่มรายได้ดังกล่าวลดลงมาเหลือ 45% จากก่อนหน้า ซึ่งอยู่ที่ 50%
"สำหรับกลุ่มรายได้ตั้งแต่ 1-3 หมื่นบาท เราคงไม่ปรับความเข้มขึ้นไปมากกว่านี้ เพราะต้องให้หนี้ต่อรายได้ดีขึ้น แต่ใกล้ ๆ นี้ยังไม่มีสัญญาณดีขึ้น โดยกลุ่มนี้น่าจะฟื้นยาก และที่ผ่านมาเราเห็นถึงความตึงตัวในการชำระหนี้ เพราะวงเงินเต็ม ซึ่งทุกสถาบันการเงินก็ค่อนข้างเข้มงวดกลุ่มนี้เหมือนกัน ดังนั้น หากเราเห็นอย่างนี้ คงต้องชะลอในการให้สินเชื่อ สิ่งที่ทำได้ คือให้ภาระหนี้เขาคงที่ และเริ่มชำระคืนตามปกติ ทั้งนี้ ในไตรมาสแรก ก็ยังหวังว่าภาระหนี้ของกลุ่มนี้น่าจะเพิ่มขึ้น" นายฐากรกล่าว
นายฐากรกล่าวอีกว่า สำหรับภาพรวมของยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตกรุงศรีในปีนี้ คาดว่าน่าจะเห็นการเติบโตได้ราว 9-10% เนื่องจากยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่ไตรมาส 3 ที่ผ่านมา และคาดว่าไตรมาสสุดท้ายของปีนี้น่าจะมียอดการใช้จ่ายผ่านบัตรสูงที่สุดของปีก็เป็นไปได้ จากผลของการกระตุ้นทางการตลาดต่าง ๆ
ล่าสุด บริษัทได้เปิดตัวบัตรใหม่ 2 บัตร คือบัตรเครดิตกรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟซิกเนเจอร์ ที่เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีเงินฝากและการลงทุนกับธนาคาร 5 ล้านบาทขึ้นไป และบัตรเครดิตกรุงศรี ซิกเนเจอร์ ที่มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้ารายได้ต่อเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ 7 หมื่นบาทขึ้นไป ทั้งนี้ คาดว่าการเข้ามารุกตลาดบนและกลุ่มรายได้ที่มั่งคั่งมากขึ้น จะส่งผลทำให้ยอดการใช้บัตรเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
นายฐากรกล่าวด้วยว่า ปัจจุบันบริษัทมีฐานลูกค้าที่เป็นกลุ่มมั่งคั่ง ซึ่งมีรายได้ต่อเดือนตั้งแต่ 7 หมื่นบาทขึ้นไป คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 36% โดยเชื่อว่าจากการขยายฐานต่อเนื่องจะทำให้ลูกค้ากลุ่มดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 40% ในปี 2558 นี้ รวมถึงขยายจำนวนบัญชีจาก 3 หมื่นบัญชีในปัจจุบัน เป็น 1 แสนบัญชี ภายในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า