เทคนิคฝึกจิตเมื่อติดดอย

เทคนิคฝึกจิตเมื่อติดดอย

เทคนิคฝึกจิตเมื่อติดดอย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เอาหล่ะ เราก็เรียนรู้เรื่อง Quantitative กับ Qualitative กันไปเรียบร้อยแล้วนะคะ ตอนนี้ถึงเวลาที่จะมาดูสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน หรือจริงๆแล้วสำหรับนานิ จะสำคัญที่สุดด้วยซ้ำ นั่นก็คือ Market Feel กับ จิตวิทยา ^^ นักลงทุนหลายคนที่เก่งด้านบัญชีและวิเคราะห์ อาจมาตกม้าตายตรงที่พวกเค้าไม่รู้จะทำตัวยังไงเมื่อขาดทุน (ออกตัวก่อนว่าบทความอันนี้สำหรับคนที่เป็นนักลทุนแนวพื้นฐานนะคะ) เทคนิคคือ ถ้ากำไร ก็ดีไป ถ้าขาดทุน จริงๆมันก็ไม่ได้แย่เสมอไปค่ะ ข้อดีของการขาดทุนก็คือ

1. เป็นการฝึกใจ: ฟังดูเหมือนกับการปลอบใจตัวเอง แต่เป็นเรื่องจริง หากขาดทุนแม้เพียงน้อยนิด แต่เรากลับทนไม่ไหว ตัดใจขายออกไปก่อน ทั้งๆที่ศึกษาและเลือกสรรหุ้นตัวนั้นมาอย่างดีแล้ว มันจะส่งผลให้คุณไม่กล้าซื้อหุ้นตัวนั้นกลับอีกเลย เพราะเหตุผลหลักๆ 2 อย่าง อย่างแรกคือ ถ้ามันลงต่อ อันตราย ถามจริงๆ ในชีวิตจริงคุณจะซื้อมั้ย? เราก็มักจะมองว่าเพราะเพิ่งขายขาดทุนออกมาหยกๆ มันอันตราย อย่าหาเรื่องเลย! อย่างที่สองคือ ต่อมาถ้ามันขึ้น ไปเกินต้นทุน ถามจริงๆอีกครั้งคุณจะซื้อมั้ย? ถ้าเคยซื้อที่ 10 บาท ขายออกไปตอน 9 เคยเห็นมันลงไปถึง 7, ที่ราคา 12 บาทคุณจะซื้อมั้ย? มันเจ็บใจนะ

นานิถึงว่าการติดดอยมันเป็นการฝึกใจจริงๆ ในเชิงทฤษฎีมันเหมือนง่าย  ถ้าใครเคยได้ลองลงทุนด้วยเงินจริงแล้วติดดอยหุ้นจะเข้าใจ เวลาที่เงินจริงๆของเรามันหายไปนั้น มันจะเป็นช่วงเวลาที่เราจะได้รู้จักใจตัวเองมากที่สุด (หรือเรียกตามที่แม่เคยว่านานิเวลาที่ฟุ้งซ่านมากๆว่า ให้ ‘ดูจิต’ ตัวเองหน่อย 55) ขอเพียงตามใจตัวเองให้ทันก็แล้วกันว่าคิดอะไรอยู่ แล้วก็ฝึกคิดพิจารณาด้วยว่าแล้วที่คิดมันมีเหตุมีผลรึเปล่า ถ้าพื้นฐานหุ้นเปลี่ยนจริง ก็ต้องขายออกมา แต่ขายแล้วขาดทุนนิดหน่อยจะเป็นไรไปเล่า ถือว่าเราวิเคราะห์พลาดไปคิดว่าจะดี แต่กลับเปลี่ยนเป็นไม่ดี

แต่ถ้าพื้นฐานไม่ได้เปลี่ยน สิ่งที่วิเคราะห์มายังเป็นไปตามจริง ขาดทุนนิดหน่อยจะเป็นไรไปเล่า นักลงทุนรุ่นเซียนคนไหนๆ นอกเสียจากว่าจะเป็นการซื้อในตลาดขาขึ้นที่ราคาวิ่งตลอด พอซื้อปุ๊ปจึงกำไรทันทีแล้วนั้น ก็ไม่มีใครที่สามารถคำนวณหาจุดต่ำสุดที่ซื้อแล้วจะไม่เคยต้องติดดอยเลยได้ทั้งนั้น =) แล้วเราจะโตขึ้นอีกเยอะ ในฐานะนักลงทุนค่ะ

2.ขาดทุนเป็นโอกาสในการทำกำไร! : ใช่ค่ะ ไม่ได้อ่านผิด นี่เป็นเพราะว่าการขาดทุนชั่วคราวนั้นมันเปิดโอกาสให้เราซื้อหุ้นตัวเดียวกันที่ต้นทุนถูกลงยังไงหล่ะ เดี๋ยวนี้ในหมู่ ‘คนเล่นหุ้น’ ชอบแซวกันว่า โอ้ย ดอย ดอย ดอย จนทุกคนกลัวและอายที่จะติดดอยกันไปหมด แต่รู้มั้ยบางที ไม่ใช่บางทีด้วยซ้ำ ทุกที! ทุกทีที่กำไรเร็วไปนานิจะโมโหมาก ทั้งกับตัวหุ้น ตลาดและตัวเอง คือต้องรีบดูจิตตัวเองด่วน ทำไมหน่ะหรอคะ ก็เพราะว่ายังเก็บไม่หมดนะสิ! สำหรับนานิแล้ว เวลาคัดสรรเลือกหุ้นต่างๆที่จะเข้ามาอยู่ในพอร์ตแล้ว ก็จะคำนวณมาแล้วว่าควรจะถือเป็นมูลค่าเท่าไหร่/สัดส่วนเท่าไหร่ของพอร์ต

ดังนั้นบางทีที่นานิเข้าซื้อแล้ว แต่ยังมีเงินไม่พอ ต้องรอเดือนหน้าที่เงินใหม่จะเข้าเพื่อเก็บหุ้นให้ครบจำนวน แต่หุ้นดันขึ้นไปและกำไรก่อน นานิจะหงุดหงิดมาก เพราะจะต้องมีต้นทุนที่สูงขึ้น
ต่อไปนี้ไม่ต้องไปอายใครนะคะเพราะถ้าเราเลือกผิดตัว เราก็ยอมรับและขายออกไป แต่ถ้ามั่นใจในพื้นฐานบริษัทแล้วไซร้ก็จง ‘ดอยอย่างภาคภูมิ’ ^_^

สำหรับใครอยากจะลองมาศึกษาวิธีทำกำไรในตลาดทุน ไม่ว่าจะเป็น หุ้น อนุพันธ์ ทอง กองทุนรวม ประกันภัย ก็มาพบกันได้ที่งาน มหกรรมการลงทุนครบวงจรแห่งปี  SET in the City กรุงเทพมหานคร 2014 จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ปีที่การลงทุน จะเปลี่ยนชีวิตคุณไปตลอดกาล” แล้วลองมาดูกันว่าชีวิตคุณจะเปลี่ยนไปไหม อย่างไร แล้วพบกันนะค่ะ 20 - 23  พ.ย. 57 รอยัล  พารากอน  ฮอลล์  ชั้น 5   สยามพารากอน รายละเอียดเพิ่มเติม  www.set.or.th/setinthecity

ผู้เขียน : นานิ นิธินวกร - ผู้เริ่มต้นคลิกแรกผ่าน Click2Win

สนับสนุนข้อมูลโดย : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (www.set.or.th/onlineinvestor)   

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook