เล็งรื้อ พ.ร.บ.การออมเป็นของขวัญปีใหม่ เชื่อได้ประโยชน์มากกว่าประกันสังคม
นพ.อำพล จินดาวัฒนะ ประธานกรรมาธิการ(กมธ.)ปฏิรูปสังคม ชุมชน เด็ก เยาวชน สตรี ผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส แถลงว่า กมธ.ปฏิรูปสังคมฯจะผลักดันให้รัฐบาลดำเนินการออกพ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ.2554 ให้มีผลบังคับใช้ เนื่องจากรัฐบาลที่ผ่านมาไม่ได้ดำเนินการตามกฎหมายฉบับดังกล่าว โดยอ้างว่ามีความซ้ำซ้อนกับพ.ร.บ.ประกันสังคม ในมาตรา 40 ที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ไม่อยู่ในระบบของภาครัฐ และเอกชน สามารถส่งเงินสมทบร่วมกับภาครัฐได้อยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องใช้กฎหมายฉบับนี้
ดังนั้น กมธ.ปฏิรูปจะเสนอให้รัฐบาลเดินหน้าบังคับใช้พ.ร.บ.กองทุนฯเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับคนไทย 30 ล้านคน เพราะกฎหมายดังกล่าวมุ่งเน้นเรื่องการส่งเสริมการออมภาคประชาชนที่ไม่ใช่ข้าราชการ หรือลูกจ้างที่ได้รับประโยชน์ทดแทนบำเหน็จบำนาญ ถือเป็นแนวทางหนึ่งเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรมทางด้านหลักประกันชราภาพของผู้สูงอายุ
ด้านนางอุบล หลิมสกุล รองประธานกมธ.ปฏิรูปสังคม ฯ กล่าวว่า การที่รัฐบาลเพิกเฉยไม่ดำเนินการตามกฎหมายจะส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนอย่างน้อย 4 เรื่องคือ
1. ไทยเผชิญปัญหาสังคมผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น และพบว่าผู้ว่าผู้สูงอายุร้อยละ 31 ไม่มีการเก็บเงินออม และร้อยละ 42 มีปัญหารายได้ไม่พอเพียงกับการดำรงชีพ เบี้ยยังชีพที่รัฐจัดสรรให้เดือนละ 500-700 บาทไม่เพียงพอในการครองชีพในปัจจุบัน
2.การเลื่อนเวลาเปิดรับสมาชิกก่อให้เกิดผลเสียหายโดยตรงกับแรงงานนอกระบบ ที่ตั้งใจจะสร้างหลักประกันยามชราภาพ
3.การดำเนินการตามมาตรา 40 ของพ.ร.บ.ประกันสังคมมีฐานะเป็นเพียงพ.ร.ฎ.ที่ครม.ต้องพิจารณาอัตราสมทบเป็นรายปี แต่หากออกเป็นพ.ร.บ.รัฐต้องสมทบเงินในอัตราที่แน่นอน ประชาชนก็จะมีหลักประกันมากกว่า
4.ผู้ที่มีคุณสมบัติเป็นสมาชิกกองทุนการออมแห่งชาติมีฐานกว้างกว่าผู้ที่เป็นสมาขิกตามกฎหมายประกันสังคม