ลดภาษีเฮือกสุดท้าย (ตอนที่ 1)
ช่วงสิ้นปีแบบนี้หลายคนเริ่มคำนวณคร่าวๆได้แล้วว่าตลอดทั้งปีที่ผ่านมาว่าตนเองมีรายได้เท่าไหร่ ทำให้คำนวณแนวโน้มว่าจะต้องเสียภาษีเท่าไหร่ บางคนคิดว่าตนเองรายได้ไม่มาก แต่ละเดือนก็แทบจะไม่พอใช้ พอเห็นตัวเลขที่ต้องเสียภาษีกลับมีตัวเลขที่ออกมาทำให้ร้อนๆหนาวๆ เพราะไม่คิดว่าจะต้องเสียภาษีสูงขึ้นกว่าปีที่แล้ว
ในช่วงที่ผ่านมารายได้มากขึ้น แต่ทำไมถึงไม่พอใช้ โจทย์นี้ต้องแก้ไขที่พฤติกรรมการใช้เงินของตนเองที่ต้องจัดระเบียบรายจ่ายให้ดีกว่านี้ ซึ่งเรื่องเหล่านี้มันผ่านไปแล้วกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นตอนนี้และในอนาคต คือ การจัดระเบียบการใช้เงินและการออมเงิน ที่ตอนนี้เราเลือกได้ว่าจะจ่ายภาษีเต็มจำนวนหรือหาวิธีเปลี่ยนภาษีเป็นเงินออม
การลงทุนที่ส่งเสริมให้คนไทยออมเงินผนวกกับช่วยเรื่องประหยัดภาษีมี 2 ทางเลือก คือ กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ก่อนตัดสินใจลงทุน เรามาทบทวนหลักเกณฑ์กันนิดนึงนะจ๊ะ
สรุปหลักเกณฑ์การซื้อ LTF
1. การลงทุนขั้นต่ำขึ้นอยู่กับแต่ละ บลจ. กำหนด
2. การลงทุนได้สูงสุด 15% ของรายได้ทั้งปี แต่ไม่เกิน 500,000 บาท
3. ครบกำหนด 5 ปีปฎิทิน จึงจะขายได้ ถ้าไม่ขายก็ถือลงทุนต่อไปได้
4. ซื้อปีไหนก็ลดหย่อนปีนั้น (ซื้อลดหย่อนปีสุดท้ายในปี 2559)
สรุปหลักเกณฑ์การซื้อ RMF
1. ลงทุนขั้นต่ำมากกว่า 3% ของรายได้ทั้งปีหรือปีละ 5,000 บาท แล้วแต่ว่าจำนวนไหนต่ำกว่า
2. ลงทุนได้สูงสุดไม่เกิน 15% ของรายได้ทั้งปี แต่ไม่เกิน 500,000 บาทเมื่อรวมกับ เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กบข. ประกันชีวิตชนิดบำนาญและกองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน
3. ขายได้เมื่ออายุเกิน 55 ปีบริบูรณ์และถือ RMF มากกว่า 5 ปีขึ้นไปตั้งแต่วันที่ซื้อครั้งแรก
เมื่อเรารู้แล้วว่าหลักเกณฑ์การซื้อกองทุนรวมเพื่อลดหย่อยภาษีมีอะไรบ้าง ก็ต้องมาดูต่อว่าจะมีวิธีเลือกซื้อ LTF หรือ RMF อย่างไรให้ตรงใจเรามากที่สุด ซึ่งสามารถหาข้อมูลได้ที่งาน “มหกรรมมีใช้ตอนแก่ด้วย LTF-RMF” ระหว่างวันที่ 18 – 21 ธันวาคม 2557 ณ โซนอีเดน Central World จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รายละเอียดเพิ่มเติมติดตามได้ที่ www.thaimutualfundnews.com/
ผู้เขียน : อภินิหารเงินออม
สนับสนุนข้อมูลโดย : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (www.set.or.th/onlineinvestor)