"มาม่า"โอด ยอดขายดิ่งสุดรอบ 42 ปี ! เศรษฐกิจตกต่ำ กำลังซื้อรากหญ้าทรุด

"มาม่า"โอด ยอดขายดิ่งสุดรอบ 42 ปี ! เศรษฐกิจตกต่ำ กำลังซื้อรากหญ้าทรุด

"มาม่า"โอด ยอดขายดิ่งสุดรอบ 42 ปี ! เศรษฐกิจตกต่ำ กำลังซื้อรากหญ้าทรุด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายพิพัฒ พะเนียงเวทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพรซิเดนท์ไรซ์ โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตบะหมี่สำเร็จรูป "มาม่า" เปิดเผยว่า บริษัทได้วางเป้าหมายสร้างรายได้ให้ถึง 20,000 ล้านบาท ภายใน 10 ปีข้างหน้า นับตั้งแต่ปี 2558-68 พร้อมปรับสัดส่วนการทำรายได้ โดยเตรียมขยายการลงทุนและการทำธุรกิจรูปแบบใหม่ในต่างประเทศ เพื่อผลักดันสัดส่วนรายได้ต่างประเทศให้ถึง 50% หรือมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท จากปัจจุบันสัดส่วนเกือบ 30%  แม้ปีนี้ยอดขายรวมของบริษัทจะเติบโตต่ำสุดในรอบ 42 ปีที่ทำธุรกิจมา

"สาเหตุการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ เพราะแนวโน้มการบริโภคบะหมี่สำเร็จรูปในประเทศโดยเฉพาะแบบซองชะลอตัวลง ปีนี้ถือว่าชะลอตัวอย่างรุนแรง ปกติเมื่อเศรษฐกิจไม่ดี ยอดบริโภคบะหมี่สำเร็จรูปจะสวนกระแส เติบโตเกิน 2 หลัก แต่ปีนี้ยอดขายบะหมี่สำเร็จรูปตกตามภาวะกำลังซื้อหดตัว ตลาดรวมโตแค่ 1.4% มูลค่า 15,400 ล้านบาท จากปีก่อนโต 7.5% และเป็นการโตจากชนิดถ้วย 7.9% แต่ยังต่ำกว่าปีก่อนโตถึง 20.3% แต่แบบซองติดลบ 0.5% บริษัทดำเนินการมา 42 ปี ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกและบริษัทมีความพร้อมกับการรุกตลาดต่างประเทศเต็มที่" นายพิพัฒกล่าว

นายพิพัฒกล่าวว่า ปี 2557 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้รวม 10,186 ล้านบาท เติบโต 0.2% คาดมีกำไรสุทธิ 1,468 ล้านบาท คิดเป็น 14% ของรายได้รวม แม้รายได้โตน้อยลง แต่มาม่ายังคงรักษาความเป็นผู้นำตลาดทั้งแบบซองและแบบถ้วย และมีส่วนแบ่งการตลาด 50.25% ด้านตลาดส่งออกเติบโต 7% มีการส่งออกไป 60 ประเทศ ซึ่งในปีนี้บริษัทได้ใช้งบประมาณกว่า 400 ล้านบาท ในการเปลี่ยนเครื่องจักรในการผลิตบะหมี่สำเร็จรูป และอีก 330 ล้านบาท ในการลงทุนตั้งโรงงานผลิตบะหมี่สำเร็จรูปในประเทศฮังการี เจาะตลาดยุโรป ส่วนแผนในต่างประเทศปี 2558 ได้ลงทุนอีก 300 ล้านบาท ขึ้นโรงงานแห่งที่ 2 ในประเทศพม่า เพื่อเพิ่มกำลังผลิตเป็น 2 เท่า รองรับการส่งออกไปทั่วโลกและกำลังศึกษาตั้งโรงงานผลิตบะหมี่สำเร็จรูปในตะวันออกกลาง ที่ได้ศึกษาไว้คือประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งจะเป็นการลงทุนอีกรูปแบบ

"ปัจจัยเสี่ยงต่อธุรกิจในประเทศคงเป็นเรื่องการเมืองและกำลังซื้อที่ยังไม่ฟื้นตัวยอมรับว่าราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำกระทบต่อยอดบริโภคและกำลังซื้ออย่างมาก แต่เชื่อว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านงบลงทุนภาครัฐ จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและฟื้นกำลังซื้อในปีหน้า ส่วนตลาดต่างประเทศต้องจับตาภาวะราคาน้ำมันโลกและปัญหาขัดแย้งของรัสเซีย และความผันผวนของสกุลเงินต่างๆ ส่วนตัววิตกว่าน้ำมันจะดีดตัวกลับมาสูงขึ้นและขยับอย่างรวดเร็ว หากเกิน 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลอีกครั้ง จะกระทบต่อธุรกิจ แต่อย่างไรก็ตามมาม่าไม่มีแผนจะปรับราคาอีกหลายปี เพราะเราใช้วิธีการลดค่าใชัจ่ายเพื่อรักษาฐานลูกค้าแทนการปรับเพิ่มราคา" นายพิพัฒกล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook