"เจ้าสัวซีพี" เสนอบิ๊กตู่ ให้ทุกบริษัทแจกเงินพนักงาน กระตุ้นการจับจ่ายซื้อของ

"เจ้าสัวซีพี" เสนอบิ๊กตู่ ให้ทุกบริษัทแจกเงินพนักงาน กระตุ้นการจับจ่ายซื้อของ

"เจ้าสัวซีพี" เสนอบิ๊กตู่ ให้ทุกบริษัทแจกเงินพนักงาน กระตุ้นการจับจ่ายซื้อของ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม เวลา 11.00 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพี กล่าวระหว่างเปิดงานการลดราคาจำหน่ายสินค้าเป็นของขวัญให้ประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ว่า การจัดงานวันนี้นี่เป็นเพียงเริ่มต้น ทางภาคเอกชนทุกคนพร้อมร่วมมือร่วมใจกันจัดงานอย่างสมัครใจและดีใจ ทางนายกฯก็พูดได้เยี่ยมมากว่า ทำอย่างไรให้เงินไปถึงคนระดับล่าง แล้วถ้าทำได้นะช่วงบ่ายนี้ ผมเสนอนะ แต่ไม่รู้นายกฯ จะทำไหม คือ ให้ทุกบริษัทแจกเงินให้กับพนักงาน แล้วก็ลดภาษีเงินได้ ให้พนักงานไปช็อปปิ้ง บริษัทอย่าไปซื้อของให้พนักงาน ไม่ต้องให้บริษัทเอาเงินมาจัดงานให้พนักงาน แต่เอาเงินก้อนนี้แถมเพิ่มเงินพนักงานเข้าไปอีก แจกเป็นเงินให้พนักงาน ทำให้พนักงานมีความคิด ให้มีความอิสระของเขาเอง เพราะเขาต้องการจะซื้ออะไรเองอยู่แล้ว แล้วการซื้อของจะคึกคักกว่านี้อีก

"ทุกวันนี้คนไม่กล้าจับจ่าย ถ้าให้เงินคนมีรายได้น้อย รู้ไหมเขาจะหมุนเงินใช้อีก 10 รอบ เขาจะซื้อของกิน ของใช้ ของที่เกิดจากประเทศ ไม่มีทางซื้อหลุยส์ วิตตอง กระเป๋าแพง ๆ หรอก แต่ถ้าเงินไปตกที่คนมีเงินอยู่แล้ว คนที่มีพร้อมทุกอย่างก็เอาเงินเข้าธนาคาร ก็ไม่เกิดการหมุนเงิน”นายธนินท์กล่าว

นายธนินท์กล่าวว่า คนมีรายได้น้อย ต้องทำให้มีรายได้มากขึ้น ซีพีก็ได้ประโยชน์ อย่านึกว่า  เขามาจับจ่ายผมก็มีรายได้ เพราะถ้าเขายากจน ซีพีก็อยู่ไม่ได้เหมือนกันนะ อย่าเข้าใจผิด มีคนถามว่า นี่ผมรักเมืองไทยหรือไม่ ผมบอกเลย ผมรักเมืองไทยมากกว่าคนอื่น รักไม่แพ้คนอื่น ถ้าเมืองไทยมีปัญหาผมจะเสียหายหนัก ผมก็ต้องรักเต็มที่ ผมจึงอยากจะให้ยกระดับคนรากหญ้าให้ดีขึ้น ให้ถูกต้อง ไม่ใช่เงินกระจุกอยู่กับคนร่ำรวยไม่มาก เงินก็ไม่กระจายคนมีเงินเอาไปฝากธนาคาร ถ้าให้เงินคนรากหญ้านะ บางอย่างหมุนเลย 10 รอบ จะกระตุ้นเศรษฐกิจ วันนี้นายกฯยังพูดถึงเรื่องหนี้ระยะสั้น กลาง ยาว ที่ต้องมีการวางแผน ทำอย่างไรให้เกิดห่วงโซ่ ไม่ใช่ต่างคนต่างไป

นายธนินท์กล่าวอีกว่า คิดว่าการจัดงานลดราสินค้าครั้งนี้จะมีเงินสะพัดถึง 5 หมื่นล้านบาท และอาจเป็น 5 แสนล้านบาท หากเงินไปถึงคนรากหญ้า เพราะการขายสินค้าอุปโภคบริโภคแบบนี้ คนทั่วไปนิยมกัน ทำให้โรงงานผลิตของขายได้ด้วย รัฐบาลคือผู้ที่โปรโมตสินค้ากระจายไประดับล่าง แม้สุดท้ายเอกชนอาจจะเสียบ้าง แต่เสียเพียงชั่วคราว ระยะยาวจะเป็นประโยชน์ในระดับกว้าง ดังนั้นต่อไปเราต้องมาวางแผนกันให้คนข้างล่างยั่งยืนขึ้น

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าภาพรวมเศรษฐกิจโลกขณะนี้เป็นอย่างไรนายธนินท์กล่าวว่าจริงๆ แล้วเอเชียสะเทือนเพียงเล็กน้อย อย่างไทยก็ขายของในประเทศเอเชียด้วยกันกว่า 50% สมัยก่อนไทยต้องพึ่งประเทศสหรัฐอเมริกา และยุโรปเกินกว่า 50% แต่วันนี้เราพึ่งอเมริกา ยุโรปไม่เกิน 20% อีก 30% เราขายให้ทั่วประเทศทั้ง รัสเซีย ประเทศตะวันตก ตะวันออก ดังนั้นจึงต้องวางแผนสู่ตลาดเอเชีย

นายธนินท์กล่าวว่า นายกฯให้ข้อคิดเห็นที่ยอดเยี่ยมคือ มีเขตเศรษฐกิจให้กับนักธุรกิจ บอกไม่ต้องรอผังเมืองเขตเศรษฐกิจหรอก ให้นักธุรกิจดำเนินการรอเลย ผมก็อยากไปลงทุนอยู่ 2 แห่ง แห่ง 1 คือ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว อีกแห่งคือ แม่สอด จังหวัดตาก ถ้านักธุรกิจไทยอยากไปลงทุนที่ประเทศพม่า ก็ต้องเอื้อประโยชน์ทุกอย่างเท่าที่เรามีประสบการณ์ ถ้าอะไรที่เหมาะสมต่อการลงทุนผลิตในไทย เราก็ต้องส่งเสริมให้การผลิตในไทยมีความคล่องตัว แล้วไม่ใช่ดึงเฉพาะนักธุรกิจไทย แต่ต้องดึงนักธุรกิจข้ามประเทศ เพราะต่อไปการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) 10 ประเทศ จะมีการค้าข้ามมหาสมุทรอีกด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook