ร้านกาแฟหรูเคลื่อนทัพยึดเมืองไทย

ร้านกาแฟหรูเคลื่อนทัพยึดเมืองไทย

ร้านกาแฟหรูเคลื่อนทัพยึดเมืองไทย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ร้าน "คาเฟ่" แบรนด์ดังจากเมืองนอกดาหน้าปักธงในไทย ตอบจริตคนเมือง "เคนโซ่-โคว่า-อาร์มานี่" ยึดทำเลทองห้างหรูรับดีมานด์ทะลัก ด้าน "สตาร์บัคส์" เดินหน้าสยายปีกลุยเมืองรอง

ภาพของการเข้ามาปักธงยึดทำเลห้างหรูใจกลางเมืองของบรรดาร้านคาเฟ่ หรือร้านกาแฟแบรนด์ดังจากต่างประเทศในวันนี้ ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่แมสแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางเท่านั้น แต่การเติบโตของไลฟ์สไตล์คนเมืองยังเปิดโอกาสให้แบรนด์หน้าใหม่ที่มีสไตล์และเอกลักษณ์เฉพาะตัวเข้ามาเติมเต็มช่องว่างของตลาดเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ รองรับความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อและต้องการประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครมาตอบโจทย์การใช้ชีวิต

ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานว่า ความเคลื่อนไหวของแบรนด์คาเฟ่สุดชิกจากเมืองนอก ทั้งในกลุ่มของแบรนด์ที่เป็นร้านคาเฟ่ระดับตำนานอย่าง โคว่า คาเฟ่ จากอิตาลี ที่เปิดในศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี แล้วยังมีแบรนด์แฟชั่นที่แตกไลน์มายังธุรกิจร้านคาเฟ่ เข้ามายึดทำเลหรูเปิดตลาดเมืองไทย อาทิ เคนโซ่ แบรนด์เสื้อผ้าระดับไฮเอนด์ในกลุ่มแอลวีเอ็มเอช (บริษัท โมเอต์ เฮนเนสซี่ หลุยส์ วิตตอง) หลังจากที่เปิดช็อปบูติคเคนโซ่ ที่เซ็นทรัล เอ็มบาสซีแล้ว ได้นำโมเดลร้านกาแฟภายใต้ชื่อแบรนด์ "เคนโซ่ คาเฟ่" มาเปิดในรูปแบบพ๊อปอัพสโตร์

ร้านดังกล่าวเน้นเครื่องดื่มเป็นหลักและมีเบเกอรี่เป็นตัวเสริม รวมถึงกาแฟสูตรพิเศษที่ต่างจากร้านกาแฟอื่น ๆ เช่น คาปูชิโนแอปเปิลพาย และเฟรนช์วานิลลาม็อคค่ากรีนที ในระดับราคา 70-250 บาท/ถ้วย นอกจากนี้ยังมีร้าน "อาร์มานี่ คาเฟ่" ที่เตรียมเข้ามาเปิดสาขาแรกในเมืองไทย ที่โครงการเอ็มควอเทียร์ เป็นสาขาที่ 10 ในภูมิภาคเอเชีย หลังจากเปิดที่ อาบูดาบี, โดฮา, ดูไบ, คูเวต, อิสตันบูล และโตเกียว

นางสาวสุมนพินทุ์ โชติกะพุกกณะ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร บริษัท สตาร์บัคส์ คอฟฟี่ ไทยแลนด์จำกัด ฉายภาพว่า การที่แบรนด์จากต่างประเทศให้ความสนใจเข้ามาเปิดสาขาในเมืองไทย เป็นเพราะไลฟ์สไตล์คนไทยมีการเปิดกว้างกับวัฒนธรรมหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ทำให้แบรนด์ที่ดี มีคุณภาพ และทันสมัย สามารถตอบสนองกับความต้องการ ก็จะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค รวมถึงการเติบโตของเมืองใหญ่ ๆ ทำให้เกิดโอกาสจากการขยายตัวของตลาดที่ไม่เฉพาะแต่กรุงเทพฯเท่านั้น

ที่สำคัญไทยยังมีเมืองใหญ่ที่เป็นศูนย์กลางของแต่ละภาค และเป็นแหล่งท่องเที่ยว อาทิ เชียงใหม่ สมุย พัทยา ภูเก็ต หัวหิน ซึ่งรายได้เฉลี่ยของประชากรไทยอยู่ในอันดับ 4 เป็นรองเพียงสิงคโปร์ บรูไน และมาเลเซีย นอกจากนี้จากการเติบโตของโซเชียลมีเดียมีส่วนอย่างมากที่ทำให้ผู้บริโภคมีข้อมูลว่าแบรนด์ใดมีความน่าสนใจ จนเกิดเป็นกระแสการรับรู้ที่รวดเร็วตามมา

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ล่าสุดต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา บริษัทแม่ของสตาร์บัคส์ได้เปิดร้านกาแฟโมเดลใหม่ "Starbucks Reserve Roastery and Tasting Room" หรือ R ในตลาดสหรัฐอเมริกา เพื่อขายกาแฟระดับไฮเอนด์โดยเฉพาะ สำหรับขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มนักดื่มระดับบนรวมถึงการให้เชฟชื่อดังอย่าง "ทอม ดักกลาส"มาออกแบบเมนูอาหารในร้าน ทั้งนี้คาดว่าในปีหน้าจะสามารถขยายโมเดลดังกล่าวได้ 100 สาขา

ก่อนหน้านี้ นายเมอร์เรย์ ดาร์ลิ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตาร์บัคส์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวถึงแผนลงทุนภายใน 5 ปีนี้จะขยายสาขาให้ครบ 400 สาขา นอกจากหัวเมืองหลักได้เริ่มพิจารณาลงทุนในหัวเมืองรองควบคู่กัน จากปัจจุบันเปิดบริการ 220 สาขา

ขณะที่นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่เพิ่งทุ่มงบฯกว่า 4,550 ล้านบาท ซื้อกิจการแบรนด์อาหารและเครื่องดื่มกูร์เมต์ระดับโลก "ดีน แอนด์ เดลูก้า" จากอเมริกา แสดงความเห็นในเรื่องนี้ว่า ปัจจุบันไลฟ์สไตล์คนไทยมีรสนิยมในการใช้ชีวิตเพิ่มขึ้น รวมถึงเมืองไทยยังเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวระดับโลก เพื่อต่อยอดธุรกิจและขยายโอกาสจากเทรนด์ตลาดที่มีการเติบโตได้อย่างรวดเร็วทั่วโลก จึงได้จัดตั้งบริษัท โฟร์ทีน พอยท์ส เพื่อบริหารแบรนด์ร้านอาหารแบรนด์ดังจากต่างประเทศ ปัจจุบันได้รับสิทธิ์ในการบริหารร้าน "โว้กเลานจ์" ร้านอาหารในบรรยากาศหรูหราตามคอนเซ็ปต์ของแบรนด์โว้ก นิตยสารแฟชั่นชื่อดัง เปิดให้บริการเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมารวมถึง "ลัตเตอลิเย่ เดอ โจเอล โรบูชง" ร้านอาหารของเชฟชาวฝรั่งเศสที่ได้รับมิชลิน สตาร์ รวม 28 ดวง เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook