พอร์ตอภิมหาเศรษฐี
สื่อต่างประเทศประเมินว่า หาก "บิล เกตส์" ไม่บริจาคเงินของเขาเข้ามูลนิธิ Bill & Melinda Gates ตอนนี้เขาคงเป็นผู้ที่มั่งคั่งที่มีสินทรัพย์ทั้งหมดเกินกว่า 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐเป็นคนแรกของโลก แต่ถึงแม้บริจาคไปแล้ว ตอนนี้ บิล เกตส์ ก็ยังคงเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกด้วยทรัพย์สินกว่า 82,000 ล้านเหรียญ
หลายคนอาจจะเข้าใจว่าความมั่งคั่งของบิล เกตส์ ส่วนใหญ่ตอนนี้คงอยู่ในบริษัท Microsoft ที่เขาเป็นผู้ก่อตั้ง แต่เปล่าเลย ณ ตอนนี้มูลค่าของหุ้น Microsoft ทั้งหมดที่เขามีราวๆ 14,000 ล้านเหรียญ คิดเป็นแค่ 17% ของสินทรัพย์ทั้งหมด ยิ่งกว่านั้นเขามีแผนจะลดสัดส่วนการถือครองใน Microsoft ลงเรื่อยๆ
มีการคาดการณ์ว่าอีกสี่ปีข้างหน้า บิล เกตส์จะไม่เหลือเงินลงทุนในบริษัทที่เขาก่อตั้งอีกเลย แล้วตอนนี้ความมั่งคั่งของเขาอยู่ที่ไหน? พอร์ตลงทุนหุ้นของเขามีหุ้นประเภทไหนบ้าง? และเราจะเรียนรู้อะไรจากการจัดพอร์ตนี้ได้บ้าง? เราจะมาดูในรายละเอียดกัน
ปัจจุบันกว่า 78% ของสินทรัพย์ของบิล เกตส์อยู่ในบริษัทการลงทุนส่วนตัวของเขาชื่อ Cascade Investment LLC บริหารโดย Michael Larson อดีตผู้จัดการกองทุนที่บิล เกตส์ ไว้วางใจเป็นเวลายาวนานกว่า 20 ปี
Cascade Investment ลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภท แต่ส่วนใหญ่อยู่ในหุ้นของบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ คิดเป็นกว่า 38% ของสินทรัพย์ทั้งหมด มีมูลค่ารวมกันกว่า 24,000 ล้านเหรียญ โดยมี 5 บริษัทที่ถืออยู่คิดเป็นเกือบ 3 ใน 4 ของพอร์ตหุ้น
หุ้นหลักห้าตัวนั้น ได้แก่
1) Canadian National Railway บริษัทรถไฟที่มีเครือข่ายครอบคลุมในแคนาดาและตอนกลางของสหรัฐ คิดเป็น 27% ของพอร์ต
2) Republic Services บริษัทบริหารจัดการขยะที่ไม่อันตรายสำหรับอุตสาหกรรมและที่อยู่อาศัยในหลายรัฐ คิดเป็น 17% ของพอร์ต
3) ECO LAB บริษัทขายผลิตภัณฑ์และให้บริการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ สำหรับลูกค้าในอุตสาหกรรมอาหาร โรงพยาบาล และอุตสาหกรรม คิดเป็น 14% ของพอร์ต
4) Deere & Co บริษัทผลิตและจำหน่ายเครื่องจักรกลทางการเกษตร และรับจัดเช่าซื้อ คิดเป็น 10% ของพอร์ต และ
5) AutoNation บริษัทขายรถยนต์มีหน้าร้านกระจายอยู่ทั่วอเมริกา มีรถยนต์ให้เลือกมากกว่า 30 แบรนด์ คิดเป็น 3.5% ของพอร์ต
จากข้อมูลการจัดพอร์ตของ Cascade Investment ผมคิดว่ามีจุดที่น่าสนใจ ดังนี้
ประเด็นที่หนึ่ง ธุรกิจที่อยู่ในพอร์ตส่วนใหญ่เป็นภาคบริการจะมีแค่ Deere & Co เท่านั้นที่เน้นการผลิต แสดงถึงมุมมองที่เป็นบวกต่อธุรกิจบริการมากกว่าการผลิตในอนาคต ประเด็นที่สอง เป็นพอร์ตที่เน้นเรื่องความมั่นคงของกิจการ โดยเลือกกิจการที่เป็นพื้นฐานของเศรษฐกิจไม่เน้นกิจการที่ผลิตหรือจำหน่ายสินค้าไฮเทคหรือสินค้าแฟชั่นเลย
นอกจากนั้นยังเน้นเรื่องการกระจายความเสี่ยง โดยหุ้นที่ถือครองจะกระจายไปตามอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ไม่ทับซ้อนกัน และมีลูกค้าคนละกลุ่มอย่างชัดเจน ไม่ถือหุ้นตัวใดเกิน 50% ของพอร์ต หุ้นที่ถือมากที่สุดคิดเป็น 27% เท่านั้น ในกรณีเลวร้ายที่สุด ถ้าหุ้นที่ถือถึง 27% เกิดล้มละลายไป มูลค่าหุ้นที่เหลือของพอร์ตหากโตได้แบบอนุรักษนิยม ปีละ 10% ภายในสามปีกว่ามูลค่าพอร์ตจะกลับมาเท่าเดิม ประเด็นที่สาม หุ้นหลักที่ถือห้าตัวนี้ มีธุรกิจส่วนใหญ่อยู่ในอเมริกาเหนือ แสดงถึงมุมมองที่บิล เกตส์ให้ความเชื่อมั่นว่าอเมริกาจะยังคงเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกต่อไปในอนาคต
PortfolioManagement หรือ "การบริหารพอร์ตลงทุน" เป็นเรื่องที่ช่วยนักลงทุนบริหารความเสี่ยงในการลงทุนได้เป็นอย่างดี การศึกษา การจัด Portfolio ของนักลงทุนชั้นนำช่วยให้เราเข้าใจมุมมองการลงทุนของเขาเหล่านั้นได้ดีขึ้น และสามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อประโยชน์ในการลงทุนของเราในอนาคต
คอลัมน์ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ โดย ชาย มโนภาส