สปส.มึน ผู้ประกันตน แห่ลาออก′กองทุนชราภาพ′ หวังรับเบิ้ลเงินรัฐจ่ายสมทบ
สปส.มึน ผู้ประกันตนทยอยลาออกจาก ม.40 หวังเงินก้อน ขอดูรายละเอียด เล็งจ่ายคืนบางส่วน หลัง สปส.เปิดโอกาสให้กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป สมัครเป็นผู้ประกันตน เพื่อสิทธิประโยชน์ชราภาพกรณีพิเศษ
กรณีสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เปิดโอกาสให้กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป สมัครเข้าเป็นผู้ประกันตน มาตรา 40 ทางเลือกที่ 3 (สิทธิประโยชน์กรณีชราภาพ) เป็นกรณีพิเศษ เป็นเวลา 1 ปี และเปิดรับสมัครไปเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2557 โดยมียอดสมาชิกกว่า 3 แสนคนนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นับตั้งแต่ต้นปี 2558 มีผู้ประกันตนมาตรา 40 ทางเลือกที่ 3 จ่ายเงินเข้ากองทุน 100 บาท รัฐสมทบอีก 100 บาท เริ่มทยอยเดินทางไปที่สำนักงานประกันสังคมสาขา เพื่อยื่นความจำนงขอลาออกจากการเป็นผู้ประกันตนหวังรับเงินคืนทั้งส่วนของตัวเองและรัฐจะสมทบให้ แต่เจ้าหน้าที่ไม่อนุมัติ โดยพยายามทำความเข้าใจกับผู้ประกันตนให้เข้าใจถึงเจตนารมณ์ของมาตรา 40 ต้องการให้สะสมเงินออมไว้ใช้ยามชรา แต่หากรายใดต้องการจะลาออกเจ้าหน้าที่แจ้งว่าสามารถจ่ายให้เฉพาะส่วนที่ผู้ประกันตนจ่ายตามจริงเท่านั้น ส่วนเงินสมทบของรัฐยังไม่สามารถจ่ายได้ เนื่องจากยังไม่ได้ตั้งเรื่องขอเบิกจากรัฐบาล
นายโกวิท สัจจวิเศษ โฆษก สปส.กระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ขณะนี้ สปส.ได้ให้สำนักงานประกันสังคมทั่วประเทศจ่ายเงินเฉพาะส่วนที่ผู้ประกันตนสมทบเท่านั้น ส่วนที่รัฐจ่ายสมทบนั้นยังไม่มีการจ่าย เนื่องจาก สปส.อยู่ระหว่างการหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาว่า หากผู้ประกันตนมาตรา 40 ทางเลือกที่ 3 ลาออกเพื่อขอรับเงินสมทบเป็นก้อนในเวลารวดเร็ว จะเข้าข่ายผิดเจตนารมณ์ของกฎหมายหรือไม่ และการจ่ายเงินสมทบในส่วนของรัฐควรจะดำเนินการอย่างไร รวมทั้งจะต้องออกกฎหมายลูก เพื่อจัดทำเงื่อนไขมารองรับเหตุการณ์ดังกล่าวหรือไม่ อาทิ อาจจะกำหนดให้ผู้ประกันตนมาตรา 40 ทางเลือกที่ 3 เป็นผู้ประกันตน 1-2 ปี จึงจะสามารถลาออกและรับเงินสมทบทั้งสองส่วนได้ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือนมกราคมนี้
นายโกวิทกล่าวถึงความคืบหน้าร่างแก้ไขพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) กำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบประเภทของประโยชน์ทดแทน ตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของบุคคลซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตน พ.ศ.2554 (มาตรา 40) เพื่อขยายเวลารับสมัครผู้ประกันตนที่มีอายุเกิน 60 ปี ตามนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า ได้ส่งร่างดังกล่าวให้นายนคร ศิลปอาชา ปลัดกระทรวงแรงงาน พิจารณาเพื่อเสนอต่อ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน แต่นายนครได้ส่งร่างกฎหมายดังกล่าวให้ สปส.ทบทวนเนื้อหา เนื่องจากมีหนังสือท้วงติงจากหลายฝ่ายว่ามาตรา 40 ยังมีช่องโหว่ในหลายเรื่อง เช่น การให้ผู้ที่มีสิทธิประโยชน์ได้รับเงินบำนาญจากกองทุนอื่นๆ สามารถสมัครได้ การเปิดให้ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบย้อนหลังและไม่กำหนดระยะเวลาการเป็นผู้ประกันตนก่อนลาออก ทำให้รัฐบาลจะต้องจ่ายสมทบเป็นจำนวนมาก ส่งผลต่องบประมาณของรัฐ นอกจากนี้ จะศึกษาว่าการเปิดรับสมัครรอบใหม่จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ จะเปิดให้จ่ายเงินสมทบย้อนหลังได้หรือไม่
"สปส.ได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาทบทวนร่าง พ.ร.ฎ.ดังกล่าว เพื่ออุดช่องโหว่ตามที่มีผู้ตั้งข้อสังเกต และเพื่อให้เนื้อหากฎหมายเป็นไปอย่างรัดกุม และจะหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาด้วย โดยจะเร่งจัดทำร่าง พ.ร.ฎ.ให้แล้วเสร็จ และเสนอต่อปลัดกระทรวงแรงงานอีกครั้งภายในเดือนมกราคมนี้" นายโกวิทกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากข้อมูลของ สปส.พบว่าขณะนี้มีผู้ประกันตนมาตรา 40 ทุกทางเลือกทั่วประเทศ จำนวน 2,471,116 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 ทางเลือกที่ 3 สิทธิประโยชน์เฉพาะกรณีชราภาพ จำนวน 359,000 คน การเปิดรับสมัคร
ผู้ประกันตนมาตรา 40 ทางเลือกที่ 3 อายุเกิน 60 ปี ไประหว่างวันที่ 9 ธันวาคม 2556-วันที่ 8 ธันวาคม 2557 โดยเปิดให้สามารถจ่ายเงินสมทบย้อนหลังได้ถึงเดือนพฤษภาคม 2555 เป็นเวลา 32 เดือน โดยที่ไม่ได้กำหนดระยะเวลาต้องเป็นผู้ประกันตนก่อนจะลาออกและรับเงินสมทบทั้งส่วนของตัวเองและรัฐ ทำให้เกิดความไม่ชัดเจนและทำให้มีผู้ประกันตนบางส่วนหวังจะได้เงินก้อนจากการสมทบของรัฐบาลมายื่นลาออกเพื่อขอรับเงินดังนั้นในการเปิดรับสมัครผู้ประกันตนมาตรา 40 รอบใหม่ สปส.จึงมีแนวคิดจะปิดไม่ให้มีการจ่ายเงินสมทบย้อนหลัง เพราะหากคำนวณเฉพาะในทางเลือกที่ 3 ที่มีผู้ประกันตนประมาณ 300,000 คน จะทำให้รัฐต้องจ่ายเงินสมทบประมาณเดือนละ 900 ล้านบาท เป็นเงินจำนวนมากและอาจส่งผลกระทบต่อกองทุน
นายสินชัย วงศ์สังข์ทอง อายุ 72 ปี หนึ่งในผู้ประกันตนมาตรา 40 ทางเลือกที่ 3 กล่าวว่า สมัครทางเลือกที่ 3 ส่วนภรรยาสมัครทางเลือกที่ 5 จ่ายเอง 200 บาท รัฐสมทบให้ 150 บาท เลือกจ่ายย้อนหลังคนละ 2,300 บาท เพื่อตั้งใจเก็บไว้เป็นเงินก้อนฉุกเฉิน เวลาเจ็บป่วยจะได้ไม่ต้องรบกวนลูก ส่วนเรื่องเงินบำนาญไม่ได้หวัง เพราะมีเงื่อนไขว่าต้องส่งนานถึง 35 ปี จึงจะได้สิทธิ
"ผมคงไม่อยู่นานถึงขนาดนั้น อีกอย่างเจตนารมณ์ของประกันสังคมเป็นเรื่องดี ต้องการให้คนออมเงิน แต่ก็ต้องประชา สัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจชัดเจน อย่าทำแบบคลุมเครือแล้วปล่อยให้ไปคิด ไปถามกันเอง เพราะข้อมูลจะคลาดเคลื่อน และอย่าเอาเรื่องเงินก้อน รัฐจ่ายสมทบอีกเท่าตัวมาล่อให้คนแห่ไปสมัครเหมือนที่ผ่านมา และมีคนบางกลุ่ม ตั้งใจจะไปสมัครเพื่อรอถอนเงินออกมาใช้ รู้มาว่าตอนนี้มีคนเริ่มไปถอนกันบ้างแล้ว แต่ประกันสังคมก็ยังเงียบ" นายสินชัยกล่าว