แนวโน้มราคาน้ำมันดีเซลปรับลดลงอีก หลังผสมปรับสูตรเป็นบี 3.5

แนวโน้มราคาน้ำมันดีเซลปรับลดลงอีก หลังผสมปรับสูตรเป็นบี 3.5

แนวโน้มราคาน้ำมันดีเซลปรับลดลงอีก หลังผสมปรับสูตรเป็นบี 3.5
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แนวโน้มราคาดีเซลส่อปรับลดลง หลังปรับสัดส่วนผสมจากบี 7 เป็นบี 3.5 หลังปริมาณปาล์มตึงตัว ด้านกลุ่มเบนซินยังทรงตัว ในขณะที่ กพช.ประชุม 4 ก.พ. กำหนดอัตราอุดหนุนโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม ส่วนเอสพีพีส่อแววลดปริมาณรับซื้อสำหรับการต่ออายุสัญญาเหตุสำรองไฟฟ้าพุ่ง

นายชวลิต พิชาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน หรือ สนพ. เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาน้ำมันดีเซลในประเทศจะปรับลดลงอีกจากราคาในเขต กทม.- ปริมณฑล ที่ 25.49 บาท/ลิตร จากค่าการตลาดที่สุงกว่า 2 บาทต่อลิตร เป็นผลจากทั้งราคาตลาดโลกที่ลดลง และเรื่องการปรับสูตรราคาไบโอดีเซลจากบี 7 เป็นบี 3.5 เพราะราคาไบโอดีเซลบี 100 อยู่ที่กว่า 35-38 บาท/ลิตร

แต่ราคาน้ำมันดีเซลหน้าโรงกลั่นฯอยู่ที่ประมาณ 13 บาทต่อลิตรเท่านั้น จึงทำให้ต้นทุนของน้ำมันดีเซลขายปลีกหน้าปั๊มลดลงได้ประมาณ 60 สตางค์/ลิตร อย่างไรก็ตามราคาดีเซลจะลดลงมากน้อยแค่ไหน ในขณะนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของนายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พลังงานว่าจะเก็บหรือลดเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างไร โดยล่าสุดกองทุนน้ำมันฯมีประมาร 2.1 หมื่นล้านบาท

"ราคากลุ่มเบนซินเมื่อดูค่าการตลาดประกอบความผันผวนของราคาน่ำมันตลาดโลกแล้วยังไม่มีทิศทางที่จะปรับลดลงในระยะเวลาอันใกล้นี้ แต่ราคาดีเซลมีแนวโน้มปรับลดราคาลงได้ ส่วนจะมีการปรับโครงสร้างดีเซลด้วยการขึ้นภาษีดีเซลจาก 3.25 บาทเป็นประมาณ4-5 บาท/ลิตรจะขึ้นเมื่อใด ก็กำลังทำความเข้าใจกับกรมสรรพสามิตว่าจะปรับแล้วไม่สร้าง,กระทบต่อผู้ประกอบการน้ำมันเพราะการโยกเงินกองทุนน้ำมันเป็นภาษีรอบที่แล้วกรมสรรพสามิตคิดภาษีน้ำมันคงเหลือเป็นอัตราหว่า 2 พันล้านบาทกระทบผู้ประกอบการทั้งที่ไม่ได้มีรายได้เพิ่มจากนโยบายรัฐแต่อย่างใด" นายชวลิตกล่าว

นายชวลิตกล่าวด้วยว่า ในวันที่ 4 ก.พ.จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช.ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานจะพิจารณาเรื่องอัตราอุดหนุนการผลิตไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรมซึ่งจะกำหนดในรูปแบบ FIT ในอัตรา5-6 บาท/หน่วย และมีค่าพรีเมี่ยมในส่วนที่ผลิตไฟฟ้าได้ยากประมาณ 1 บาท/หน่วย มีสัดส่วนรับซื้อประมาณ 50 เมกะวัตต์ จากที่รัฐกำหนดรับซื้อไฟฟ้าขยะรวม 400 เมกะวัตต์ และขณะนี้มีผู้เสนอโครงการมาแล้ว 200 เมกะวัตต์

นายชวลิตกล่าวว่า ในเดือนมีนาคมนี้ คาดว่าจะเริ่มบิดดิ้ง หรือเปิดประมูลแข่งขันพลังงานทดแทนในส่วนที่เหลือตามเป้าหมายส่งเสริมพลังงานตามแผนเดิมได้ หลังจากขณะนี้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ.อยู่ในระหว่างร่างระเบียบบิดดิ้ง โดยในส่วนที่จะรับซื้อเพิ่มเติม ได้แก่ ไฟฟ้่าขยะ 200 เมกะวัตต์ ไฟฟ้า ชีวภาพ 300 เมกะวัตต์ ไฟฟ้าชีวมล ประมาณ 2,000 เมกะวัตต์

ส่วนพลังงานลมและแสงอาทิตย์ในรูปแบบโซลาร์ฟาร์มยังไม่มีแผนรับซื้อเพิ่มเติมเพราะมีผู้เสนอขายเต็มจำนวนแล้ว โซลาร์ฟาร์มที่จะผลิตเพิ่มเติมจะมีเพียงของส่วนราชการและสหกรณ์ อีก 800 เมกะวัตต์เท่านั้น

นายชวลิตยังกล่าวถึงการต่ออายุโรงไฟฟ้าเอสพีพีที่ทยอยหมดอายุตั้งแต่ปี 2560 ว่าในขณะนี้ได้ให้ผู้ประกอบการไปทำแผนมาเสนอ โดยให้หลักเกณฑ์ไปว่าการต่ออายุหรือรับซื้ใหม่จะคำนึงจากปริมาณไอน้ำที่ขายให้โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมเป็นหลักแล้วคำนวณย้อนมาเป็นปริมาณไฟฟ้า คงไม่สามารถซื้อไฟฟ้าได้หมดในปริมาณเดิมที่เคยขายไว้

เนื่องจากในสำรองไฟฟ้าตั้งแต่ปี 2560-2565 มีมากกว่ามาตรฐานหรือกว่าร้อยละ 20 หากซื้อมาเกินไปจะเป็นภาระต่อค่าไฟฟ้าประชาชน โดยในส่วนค่าไฟฟ้าที่เอสพีพีเสนอขายก็ต้องปรับลดลงด้วย เพราะไม่ต้องก่อสร้างท่อก๊าซและสายส่งใหม่แต่อย่างใด โดยสำรองไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นก็มาจากายปัจจัยทั้งเศรษบกิจชะลอตัว แผนอนุรักษ์พลังงาน และการรับซื้อไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในช่วงดังกล่าวทั้งไอพีพี/เอสพีพี-411


เกาะติดราคาน้ำมันอัพเดทล่าสุดที่นี่ http://money.sanook.com/economic/oil-price/

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook