9 เงินออมที่เราควรมีในปีนี้

9 เงินออมที่เราควรมีในปีนี้

9 เงินออมที่เราควรมีในปีนี้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้เขียนรู้สึกมีความสุขมากๆที่บทความของอภินิหารเงินออมและเว็บไซด์ AomMoney ได้เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจให้หลายๆคนเริ่มต้นออมเงิน ในปีที่ผ่านมามีแฟนเพจหลายคนฮึดสู้กับตนเองว่าจะต้องมีเงินออมให้ได้ แล้วก็ทำสำเร็จด้วยซิ อิ้วๆ บางคนนำผลงานการออมเป็นภาพสมุดบัญชีมาโชว์เป็นหลักฐานว่าทำได้ละน๊า เราเห็นแล้วรู้สึกอิ่มใจอย่างบอกไม่ถูก เอาไว้จะมาเขียนเล่าให้ฟังในบทความต่อๆไปเพื่อจะได้เป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นๆนะจ๊ะ สำหรับคนที่อยากจะเริ่มต้นออมเงิน มีเงินออมเหมือนคนอื่นๆบ้างแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ควรมีเงินออมอะไรบ้าง ในบทความนี้มีคำตอบนะจ๊ะ

9 เงินออมที่เราควรมีในปีนี้

1. เงินออมเพื่อฉุกเฉิน

เป็นเงินออมที่สำคัญม๊าก มากๆๆๆๆๆ และต้องมีให้ครบก่อนที่จะเริ่มออมเงินส่วนอื่นๆ ซึ่งควรมีให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายประมาณ 3 – 6 เดือน วิธีคำนวณก็จะนำรายจ่ายต่อเดือนมาคูณกับ 3 หรือ 6 ก็จะเป็นเงินออมฉุกเฉินที่ควรเก็บไว้ เงินส่วนนี้จะไว้ใช้จ่ายในยามเร่งด่วนหรือมีเหตุจำเป็น เช่น ตกงาน ประสบอุบัติเหตุ น้ำท่วม ไฟไหม้หรือเหตุการณ์อื่นๆที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น ซึ่งเงินฉุกเฉินจะเป็นฮีโร่มาช่วยพยุงเราไว้ในยามยาก

ควรเก็บเงินฉุกเฉินไว้ในรูปแบบเงินสดหรือการลงทุนที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ในระยะสั้น เพราะเวลาต้องการใช้เงินจะได้ถอนออกมาใช้จ่ายได้อย่างรวดเร็ว ตัวอย่างแหล่งเก็บเงินฉุกเฉิน ฝากไว้ในบัญชีออมทรัพย์หรือกองทุนรวมตลาดเงิน

2. เงินออมเพื่อทดแทนค่าน้ำนม

ช่วงตั้งแต่เราเกิดจนกระทั่งเริ่มทำงานสร้างรายได้ พ่อกับแม่ต้องใช้เงินเท่าไหร่เพื่อทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีในวันนี้ ท่านทุ่มเททุกอย่างเพื่อให้เราได้รับแต่สิ่งที่ดีที่สุด เมื่อเราทำงานได้แล้วก็ควรทำอะไรเพื่อท่านบ้าง เราสามารถตอบแทนความรักของท่านได้ง่ายที่สุด คือ กลับไปทานข้าวกับท่านที่บ้าน พาท่านไปท่องเที่ยวพักผ่อน หรือนำเงินเดือนของเราให้พ่อแม่เพื่อที่ท่านอาจจะไปใช้จ่ายส่วนตัว ซึ่งในบางครั้งท่านอาจจะไม่ได้ใช้เพราะเก็บเงินเหล่านั้นไว้ให้เรา

3. เงินออมเพื่อชราอย่างมีศักดิ์ศรี

หลายคนวางแผนไว้ว่าในช่วงบั้นปลายชีวิตจะมีลูกหลานล้อมรอบ อยากจะกินหรือไปเที่ยวที่ไหนก็บอกลูกหลานก็จะมีคนนำมาให้กินหรือพาไปเที่ยวตามที่ต่างๆ ทุกสิ้นเดือนก็จะได้รับเงินเดือนจากลูกหลานมาให้ไว้ใช้จ่ายส่วนตัว ช่วงเวลาป่วยหนักก็มีลูกหลานมาเป็นพยาบาลดูแลเช็ดตัว แต่งตัว ป้อนข้าว ป้อนน้ำให้ อืมมมม…ตื่นจากความฝันได้แล้วนะจ๊ะ

ปัจจุบันกับอดีตมันได้เปลี่ยนไปแล้ว คนสมัยก่อนที่มีลูกมาก บางครอบครัวมีมากว่าสิบคน เมื่อถึงคราวที่พ่อแม่แก่ชราก็มีลูกหลานหลายคนคอยมาดูแลปฏิบัติพัดวี แต่ใช้ไม่ได้กับสังคมปัจจุบันที่หลายคนมุ่งเป็นคนโสดหรือจำเป็นต้องโสด การวางแผนครอบครัวที่มีลูก 1-2 คน ทำให้คนยุคปัจจุบันในวัยชราจะต้องพึ่งพาตนเองมากกว่าคนรุ่นก่อน ดังนั้น หากต้องการมีบั้นปลายชีวิตที่ไม่ต้องพึ่งพาเงินช่วยเหลือจากคนอื่น เจ็บป่วยก็มีเงินรักษาพยาบาลตนเอง อยากไปไหนก็ได้ไป อยากจะกินอะไรก็ซื้อกินเองได้ไม่ต้องง้อรอใครมาซื้อให้

ถ้าอยากมีชีวิตอิสระแบบนี้ควรเริ่มวางแผนเก็บเงินตั้งแต่ช่วงที่ยังมีเรี่ยวแรงในการทำงาน เราหาเงินมาครึ่งชีวิต เพื่อใช้เงินทั้งชีวิต การเก็บเงินเพื่อชราอย่างมีศักดิ์ศรีต้องเก็บไว้ในที่ที่ถอนออกยากมากเพื่อจะได้เก็บไว้ยาวๆ แหล่งเก็บเงินมีหลายช่องทาง คือ พันธบัตรรัฐบาล การทำประกันชีวิตแบบบำนาญ RMF กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ(พนักงานบริษัทเอกชน) กบข.(ข้าราชการ)

4. เงินออมเพื่อดูแลร่างกาย

หลายคนทุ่มเทกับการทำงานมากเกินไปจนร่างกายไม่ได้พักผ่อน ทำให้เสียสุขภาพ สุดท้ายก็ต้องเสียเงินเหล่านั้นไปกับค่ารักษาพยาบาลตนเอง มันไม่คุ้มเลยนะจ๊ะ เราควรจัดสรรเวลาให้เหมาะสมระหว่างงานและสุขภาพร่างกายให้สมดุลกัน เงินออมเพื่อใช้ดูแลร่างกายนั้นจะเป็นเงินเพื่อป้องกันและเงินเพื่อรักษา ซึ่งเงินเพื่อป้องกันนั้นจะเป็นเรื่องของการตรวจสุขภาพประจำปีที่จะทำให้เรารู้ว่าสุขภาพของเรายังดีอยู่หรือไม่ หากเกิดสิ่งผิดปกติจะได้รักษาทันเวลา

ส่วนเงินเพื่อรักษานั้นจะเป็นเงินส่วนที่ทำให้เรารู้สึกอุ่นใจว่ามีเงินจ่ายเพียงพอในเวลาเกิดเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น เช่น เกิดอุบัติเหตุ การเกิดโรคร้ายแรง ที่ส่วนใหญ่ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่แพงมาก เราไม่สามารถคาดการณ์รายจ่ายได้ แต่เราป้องกันได้โดยการทำประกันอุบัติเหตุ ประกันโรคร้ายแรง

5. เงินออมเพื่อสร้างโอกาสให้ตัวเอง

โลกของความรู้ไม่เคยอยู่นิ่ง คนที่หยุดเรียนรู้นั้นจะก้าวช้ากว่าคนอื่นไปหลายก้าว การอ่านหนังสือ เข้าอบรม สัมมนานั้นทำให้เราได้รับความรู้ที่จะสร้างทางเลือกให้ชีวิต แล้วยังรู้จักเพื่อนใหม่ สังคมใหม่ที่บางครั้งอาจจะกลายเป็นเพื่อนที่ร่วมก่อตั้งทำธุรกิจด้วยกันก็ได้ อย่าพึ่งท้อใจว่าไม่มีเงินแล้วจะสร้างธุรกิจในฝันได้อย่างไร ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้น เมื่อเรามีความรู้ก็สามารถขายไอเดียเพื่อสร้างเงินได้เช่นกัน

ความรู้สร้างเงิน 100 เป็นเงินล้านได้ และ
ความไม่รู้ทำให้เงินล้านกลายเป็นเงิน 100 ได้

6. เงินออมเพื่อพิชิตฝัน

ความฝันของคนเราก็มีหลากหลายรูปแบบ มีทั้งใหญ่บ้าง เล็กบ้างปะปนกันไป แต่ทุกอย่างล้วนมีเป้าหมายที่ต้องการทำให้ชีวิตดีขึ้น เช่น ฝันว่าอยากไปเที่ยวต่างประเทศ ฝันว่าอยากปลดหนี้ให้ได้ ฝันว่าอยากมีเงินล้านก่อนเกษียณ ฝันว่าจะต้องทำธุรกิจส่วนตัวให้ได้ ฝันว่าอยากจะซื้อบ้าน ฯลฯ ความฝันที่ยิ่งใหญ่ของเราทำให้สำเร็จได้เพียง “ย่อยความฝัน” ให้มีขนาดเล็กลงเพื่อที่เราจะได้ทำง่ายขึ้น

7. เงินออมเพื่อสร้างหลักประกันให้ชีวิต

การซื้อของแต่ละอย่างเราชอบถามว่าของชิ้นนี้มีประกันไหม มีความคุ้มครองกี่เดือน เพื่อจะได้อุ่นใจในเวลาที่ของนั้นเสียหายว่าสามารถเปลี่ยนใหม่ได้ ยิ่งสิ่งของชิ้นใหญ่ๆก็ต้องมีประกันเพื่อความปลอดภัย เช่น ทำประกันอัคคีภัยให้บ้านพัก หากเกิดไฟไหม้จะได้มีบริษัทประกันช่วยจ่ายเงินชดเชยให้ สิ่งของรอบตัวเรามีประกันเกือบทุกอย่าง ตั้งแต่ประกันรถยนต์ ประกันสินเชื่อบ้าน ประกันมือถือ แต่คนจ่ายเงินซื้อรถยนต์ บ้าน มือถือนี้มีประกันตนเองรึเปล่า

หากเราเป็นผู้รับภาระรายจ่ายทั้งหมดของครอบครัว ถ้าบังเอิญเกิดเหตุไม่คาดคิดทำให้เราเสียชีวิต รายได้ที่หายไปใครจะรับผิดชอบ ภาระหนักอึ้งทั้งหมดนี้ก็จะตกอยู่กับคนที่อยู่ข้างหลังเราที่ต้องเหนื่อยมารับผิดชอบแทนเรา เรื่องเหล่านี้เราสามารถป้องกันได้โดยการวางแผนประกันชีวิตให้ครอบคลุมภาระรายจ่ายเพื่อเป็นหลักประกันให้ครอบครัว

8. เงินออมเพื่อใช้จ่ายอย่างบ้าคลั่ง

การประหยัดหรือเก็บออมจนถึงขั้นที่เรียกว่า “งก” เกินไปนั้นอาจจะสร้างความเก็บกดให้แก่ตนเองได้ ทำให้การออมเงินเป็นเรื่องเครียดและน่าเบื่อ ถ้าอยากให้การออมเงินเป็นเรื่องสนุกเราควรมีช่วงเวลาปลดปล่อยทางอารมณ์ออกมาบ้าง โดยการตั้งงบประมาณรายจ่ายเพื่อเที่ยว กิน ช้อปปิ้งให้สะใจ เช่น เดือนนี้จะช้อปปิ้ง XXXXX บาท อยากซื้ออะไรตามใจตัวเองโดยให้อยู่ในงบที่ตั้งไว้เท่านั้น ห้ามเกินเด็ดขาด

9. เงินออมเพื่อบริจาค

“ยิ่งให้ ยิ่งได้” การแบ่งปันสิ่งดีๆให้คนในสังคมอาจจะเป็นรูปแบบเงินหรือสิ่งของนั้นจะทำให้สังคมน่าอยู่มากขึ้น เพราะจะเป็นการลดความเห็นแก่ตัวลงได้ เริ่มต้นง่ายๆจากของเหลือใช้ในบ้านก็นำไปบริจาคให้กับผู้ที่ต้องการใช้มัน เช่น เสื้อผ้าในตู้ที่เราใส่ไม่ได้ก็จัดการนำไปบริจาค ให้เงินสนับสนุนทุนการศึกษาเด็กเรียนดีแต่ขาดโอกาสทางการศึกษา ฯลฯ เราเชื่อว่าการช่วยกันทำดีเพื่อสังคมคนละอย่างก็จะทำให้สังคมไทยสวยงามมากขึ้น

อ่านจบแล้วไปหยอดกระปุกกันนะจ๊ะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook