คุณเป็นนักลงทุนแบบไหน ใครก็ได้ช่วยบอกที

คุณเป็นนักลงทุนแบบไหน ใครก็ได้ช่วยบอกที

คุณเป็นนักลงทุนแบบไหน ใครก็ได้ช่วยบอกที
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ต่อจากตอนที่แล้ว ตอนนี้ พร้อมแล้วจร้าาา แต่ แอบรัก แอบกลัวนิดๆๆๆ ก็เลยไม่รู้ว่าตกลงเราควรลงทุนเดินหน้าต่อ หรือถอยดี ส่วนใหญ่คิดเช่นนั้นเกือบ 100% เพราะคุณยังไม่รู้ตัวตนว่ามีการลงทุนกี่ประเภท และ คุณเป็นนักลงทุนประเภทไหน มีสไตล์การลงทุนอย่างไร และ มีข้อจำกัดในการลงทุนหรือเปล่า ลองหันมาถามตนเองซิคะ แล้ววัดจาก

1.ความเสี่ยง เราสามารถวัดจากความกลัว และ ความกล้า

1.1 “กลัว” ถ้าคุณเป็นคนรับความเสี่ยงไม่ได้ คือ กลัวสิ่งที่ยังไม่เกิด ไม่กล้าตัดสินใจ หรือตัดสินใจไปแล้วนอนไม่หลับ คิดมากกลัวเงินที่ลงทุนสูญหาย แต่อยากได้ผลตอบแทนสูง นักลงทุนประเภทนี้ ต้องเลือกลงทุนที่ความเสี่ยงต่ำ เช่น ซื้อพันธบัตรรัฐบาล ฝากธนาคาร ซื้อกองทุนที่มีนโยบายความเสี่ยงต่ำ ลงทุนหุ้นปันผลพื้นฐานดี

1.2 “กล้า” ถ้าเป็นคนรับความเสี่ยงได้ คือ คนประเภทนี้ไม่กลัวการตัดสินใจ หากมีความรู้และเชื่อในการตัดสินใจของตนเอง ไม่กลัว และ สนุกกับการลงทุน เมื่อตัดสินใจลงทุนแล้ว ไม่กลัวเงินที่ลงทุนสูญหาย ยิ่งหุ้นตกจะถือวิกฤตเป็นโอกาสการทำกำไร หรือ หุ้นขึ้น ถ้ามั่นใจพร้อมลุยเพราะเชื่อว่าซื้อแพง พรุ่งนี้จะแพงกว่า กลุ่มนี้เหมาะกับหุ้นทุกประเภท
นั่นแน่!!!!!!!รู้แล้วมิชิ ว่าเราเป็นคนประเภทไหน แต่มันยังไม่จบแค่นี้ มีวีธีที่สองด้วยละ เชื่อมั้ย

2.ข้อจำกัดการลงทุน เป็นตัวช่วยให้รู้สไตล์ และ วีธีการลงทุน

2.1 เงินลงทุน

-น้อย ไม่สามารถซื้อหุ้นได้หลายตัว เก็บหุ้นได้ไม่นาน หุ้นตกเสียโอกาส คนนี้อาจจะเข้าข่ายรับความเสี่ยงต่ำอาจต้องลงทุนแบบ DOLLAR COST AVERAGE

-มาก กระจายการลงทุนได้ ทยอยสะสมหุ้นตามจัวหวะ เก็บหุ้นได้นานไม่เดือดร้อน ทนแรงเสียดทานได้ มีเสบียงพร้อมรบ

2.2..อายุ

-อายุน้อย เสี่ยงสั่งลุย ลดทั้งร้าน เจ็งเปิดร้านใหม่ได้ ระยะเวลาหาเงินอีกนาน กล้าได้กล้าเสีย

-อายุมาก ต้องคิดรอบคอบก่อนการตัดสินใจ เหมาะกับหุ้นพื้ฐาน บวกเงินปันผล

2.3 ภาระผูกพันส่วนตัว เช่น มีหนี้เงินผ่อน ค่าเล่าเรียนบุตร ค่ารักษาพยาบาล เงินฉุกเฉิน เป็นต้น

-ไม่มี รับความเสี่ยงได้

-มี รับความเสี่ยงต่ำ

2.4 ความรู้ ถ้ามีความรู้และ ประสบการณ์ จะกล้าตัดสินสินใจ และ รับความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น

2.5 เวลา ถ้าไม่มีต้องหันหามืออาชีพ แต่นั่นก็ต้องมีเวลาหาความรู้อยู่ดี แต่ถ้ามีเวลามากพอ มือใหม่เริ่มหาความรู้
ดูตลาดหุ้น ดูจังหวะการเคลื่อนไหวราคาหุ้น เราก็เพิ่มความเสี่ยงได้ เพราะมั่นใจมากขึ้น เหมือนจีบหญิงถ้ารู้ใจ ให้เวลา
ได้กำไรแน่ๆๆๆอิอิอิ
สรุปท่านเป็นนักลงทุนสไตล์ไหนคะ จริงๆๆแล้วการลงทุนเป็นทั้งคณิตสาสตร์ และ ศิลปะ ผสมประสาน ต้องเริ่มเรียนรู้ มุ่งมั่น เริ่มลงทุนจากเงินก้อนน้อย สะสมประสบการณ์ ข้อผิดพลาด จดบันทึก เพื่อหาสไตล์ตนเอง เสริมจุดแข็ง เพราะถ้าแก้จุดอ่อนคงต้องใช้เวลานาน

กูรูส่วนใหญ่มีสไตล์การลงทุนที่ชัดเจนเช่น

เบน เกรแฮม เน้นการลงทุนแบบดุตัวเลขและ ข้อมูลทางด้านการเงินเป็นหลัก หุ้นที่ลงทุนส่วนใหญ่ เป็นหุ้นที่ราคาถูกมากเมื่อเทียบกับสินทรัพย์บริษัท เพื่อความปลอดภัย และ กระจายความเสี่ยงโดยลงหุ้นหลายกลุ่ม

วอร์เรน บัฟเฟตต์ เน้นการถือหุ้นในธุรกิจที่ดีที่สุด เน้นลงทุนแบบเป็นเจ้าของธุรกิจ ถือหุ้นน้อยตัว และไม่ค่อยขาย จนกว่าธุรกิจเปลี่ยนแนวโน้ม

ปีเตอร์ ลินซ์ เน้นการลงทุนเชิงวิเคราะห์เทียบกับกลุ่มอุตสาหกรรม แล้วพบว่าเป็นหุ้น ดี และ ราคาถูก เด่นในกลุ่มจะใช้จังหวะเข้าซื้อ และ ขายหุ้น ตามนโยบายที่กำหนด.

สไตล์นักลงทุนปัจจุบันอาจแบ่งดังนี้

1.Value Investor เน้นหุ้นราคาถูก มีผลกำไรงาม จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ กิจการเจริญเติบโตสม่ำเสมอ ไม่เร่ง ไม่เสี่ยง

2.Growth & Value Investor เน้นหุ้นกิจการขนาดเล็กที่มีกำไรงาม กิจการเจริญเติบโตสูง มีข่าวขยายธุรกิจต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนข้อมูลเชิงคุณภาพ และ ปริมาณ ทำให้ราคาขึ้นเร็วมากกว่าเงินปันผล แต่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น

แล้วคุณละจะเป็นสไตล์แบบไหน เมื่อได้แล้ว ต้องตัดสินใจลงทุนเลยนะคะ
มิฉะนั้นจะเจอคำว่ารู้ไงไม่สู้รู้งี้งี้งี้ ฮาๆๆๆๆๆ

ผู้เขียน นฤมล บุญสนอง  CFP®(ลูกหมู)
นักวางแนการเงิน :CFP และ วิทยากรตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook