โสดตลอดชีพต้องรีบมีเงินเก็บเท่าไหร่

โสดตลอดชีพต้องรีบมีเงินเก็บเท่าไหร่

โสดตลอดชีพต้องรีบมีเงินเก็บเท่าไหร่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เราก็เป็นอีกหนึ่งคนโสดที่หวังว่าสักวันหนึ่งจะได้ก้าวลงจากคานอย่างสง่างาม นั่งรอ รอ รอไปเรื่อยๆเพราะหวังว่าสักวันจะมีหนุ่มซิกแพ็กมาสอยเราลงจากคานสักที ยิ่งนานวันคานนี้ก็สูงขึ้น สูงขึ้น สูงขึ้น สูงจนเสียว ถ้ารอแบบนี้แล้วยังไม่มาแสดงว่าเราต้องอยู่ในภาวะคนโสดจำเป็นไปตลอดชีวิตชิมิ โอ้ววว ม่ายยยยนะ!!

เมื่อเราบังคับให้บุรุษที่เหลือน้อยบนโลกหันมาหาสาวโสดเลอค่าอย่างพวกเราไม่ได้ในชาตินี้ เราก็ต้องยืนหยัด(ทั้งน้ำตา)ให้ได้ว่าถ้าไม่มีใครสอยลงมา เราก็ต้องหันมาสอยกันเอง เล่นดนตรีไทยทิงนองนอยกันเลย เอ๊ย!! ไม่ใช่ซิ เราก็ต้องหาวิธีที่จะทำให้นั่งสวยเริ่ดเชิดตีนกาอยู่บนอาณาจักรคานแห่งนี้ให้ได้ด้วยลำแข้งของตนเอง ฮึฮึ

เราจะต้องเป็นคนโสดที่ทรงเสน่ห์ น่าค้นหา เมื่ออายุทะลุ 80 ปีก็มีเงินเหลือเฟือจ้างพยาบาลมาช่วยดูแลสุขภาพร่างกายของเรา ถ้าจะเป็นอย่างนั้นได้ก็ต้องมีการเตรียมความพร้อมด้านการเงินที่จะทำให้เรานอนนับเงินบนคานทองได้อย่างไม่เดือดร้อนใคร

เรามาเริ่มสร้างคานให้มั่นคงด้วยการออมเงินกันเลยนะจ๊ะ ให้เราลองนึกไว้คร่าวๆว่าต้องการใช้เงินเดือนละเท่าไหร่หลังอายุ 60 ปีในตารางนี้ที่ช่องแรก 10,000 – 50,000บาท เลือกได้แล้วเราก็จะรู้ว่าจะต้องมีเงินเก็บทั้งหมดเท่าไหร่ที่จะพอใช้ตั้งแต่อายุ 60-80ปี (ในช่องที่สอง) หากใครดูแลสุขภาพตัวเองดีมากอายุยืนเกิน80ปีก็ควรจะเก็บเงินให้ได้มากกว่านี้นะจ๊ะ

 

เมื่อเรารู้แล้วว่าต้องมีเงินออมเท่าไหร่ถึงจะมีใช้ในช่วงโค้งสุดท้ายของชีวิต ต่อไปเราก็ต้องเริ่มออมเงินกันได้แล้วนะจ๊ะ ถ้าเราเก็บเงินสดที่จะใช้ในวัยตีนกางอกเงยไว้ที่การฝากออมทรัพย์ มันก็จะกลายเป็นเงินเน่าที่ด้อยค่าลงทุกวันๆ เพราะเงินในบัญชีออมทรัพย์มันโตแค่ปีละ 0.5% เท่านั้น แต่ข้าวของเครื่องใช้ที่เราจ่ายเพื่อให้มีลมหายใจอยู่บนโลกนี้มันแพงขึ้น (เงินเฟ้อ) เฉลี่ยปีละ 3%

เฮ้อ…คิดแล้วเครียดจนตีนกาที่หน้าผากขยับขึ้นไปอีก 45 องศา

หนทางเดียวที่จะทำให้คนโสดอย่างเราไม่เดียวดายยามชราก็คือ การลงทุน เราต้องนำเงินออมของเราไปพักอาศัยอยู่ในการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนโตเร็วกว่าเงินเฟ้อ เพื่อที่จะรักษาอำนาจการซื้อของเราไว้ให้มีอยู่ตลอดรอดฝั่งและเครื่องทุ่นแรงที่ทำให้เราลงทุนได้ดีที่สุด คือ เวลา ยิ่งเริ่มลงทุนเร็วยิ่งดี เพราะเราจะใช้เงินลงทุนที่น้อยลง ลองดูในตารางข้างต้นนี้ก็จะรู้ว่าถ้าเริ่มออมเงินตอนอายุ 20 กับตอนอายุ 40 ปีจะต้องใช้เงินแตกต่างกันเกือบ 3 เท่า

จากตารางข้างบนนี้ ถ้าเราต้องการใช้เงินในช่วงโค้งสุดท้ายของชีวิตเดือนละ 20,000 บาท แสดงว่าเราควรมีเงินเก็บไว้ 3 ล้านกว่าๆ หากเรารู้ตัวเร็วเริ่มลงทุนตั้งแต่อายุ 20 ปี ณ ระดับผลตอบแทน 3% ต่อปี เราควรลงทุนเดือนละ 3,903.89 บาท แต่ถ้าเราลงทุนในที่ที่ให้ผลตอบแทน 10% ต่อปี เราก็จะออมเงินเพียง 571.66 บาทเท่านั้น แต่ถ้าบังเอิญเรามารู้สึกช้าในช่วงอายุ 40 ปี เงินลงทุนรายเดือนก็จะมากขึ้น เป็นเดือนละ 11,011.92 บาทที่ผลตอนแทน 3% และเดือนละ 4,760.84 บาทที่อัตราผลตอบแทนที่ 10%

หลายคนอาจจะคิดว่าผลตอบแทน 10% มันมีเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโกหก แล้วถ้ามันเป็นเรื่องจริงจะต้องลงทุนในอะไรหละที่ให้ผลตอบแทนสูงขนาดนั้น เราดูตารางตัวอย่างผลตอบนี้กันนะจ๊ะ

จากตารางนี้จะเห็นว่าถ้าเรานำเงินออมของเราไปพักอาศัยในเงินฝาก ตราสารหนี้และหุ้นเป็นเวลา 10 ปี จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่แตกต่างกันมาก การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด คือ หุ้นที่ 17.31% นี่มันมากกว่าตัวเลขในตัวอย่างที่ 10% อีกนะเนี้ย (ทำตาวิ้งๆเหมือนประกาศชัยชนะ) เท่ากับว่าเราออมต่อเดือนน้อยกว่าเดิมมากๆ จะลองคิดให้ดูว่าหากเราเปลี่ยนจากผลตอบแทน 10% มาเป็น 17% ต่อปีแล้วเป็นอย่างไร

เราเห็นชัดๆเต็มตาเลยว่ายิ่งออมเร็วในการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงจะทำให้เราใช้เงินลงทุนน้อยลง ซึ่งได้ผลตอบแทนตามที่เราตั้งไว้เหมือนกัน


แต่ว่า…

เราสังเกตไหมว่าในตารางผลตอบแทนย้อนหลังของหุ้นมันมีการขึ้นลง บางปีให้ผลตอบแทนสูงจนน่าตกใจและบางปีก็ตกต่ำติดลบจนจิตใจหดหู่ สิ่งเหล่านี้แหละที่เรียกว่า “ความผันผวน” ที่ผลตอบแทนสูง ความเสี่ยงก็จะสูงตามไปด้วย ซึ่งคนบางอาจจะทำใจยอมรับไม่ได้กับการลงทุนแบบนี้ แต่ถ้าเรามั่นใจกับหุ้นพื้นฐานที่เราเลือกแล้วมาอย่างดี ซื้อแล้วเก็บไว้ลงทุนยาวๆเป็น 10 ปี มันจะลดความเสี่ยงเรื่องความผันผวนลงได้ เราก็จะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับการรอคอย


เรามองว่าหนทางสร้างเงินไว้ใช้หลังเกษียณไม่ได้มีแค่การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เพียงอย่างเดียว เราอาจจะสร้างแหล่งปั๊มเงินอื่นๆที่เก็บกินได้อย่างต่อเนื่องในช่วงบั้นปลายชีวิต เช่น มีบ้านหรือคอนโดปล่อยเช่าได้เดือนละ 20,000 บาท มีค่าลิขสิทธิ์จากการเขียนหนังสือ รายได้จากค่าที่ปรึกษาต่างๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวเราแล้วหละที่จะเลือกใช้ความถนัดด้านไหนในการสร้างรายได้ให้พอใช้ไปตลอดชีวิต เราอย่าคาดหวังจะพึ่งพาใครให้มาดูแลเรา นอกจากเราที่ต้องดูแลร่างกายและหัวใจของตัวเองนะจ๊ะ

“จงเป็นคนโสดที่มีเงิน แล้วสิ่งดีๆทุกอย่างจะเข้ามาเอง”

สรุปหลักการง่ายๆ สำหรับคนโสด หากใคร Follow 3 step นี้
รับรอง คุณจะเป็นคนโสดที่ดูแลตัวเองได้อย่างดีจนคนมีคู่เค้าอิจฉา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook