จุดจบ"ตลาดโรงเกลือ"? สินค้ามือสองหมดตลาด-ลิขสิทธิ์บี้ "ของก๊อป"
"ตลาดโรงเกลือ" อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เคยเป็นเบอร์หนึ่งตลาดสินค้ามือสองของประเทศไทย เป็นคลังสินค้าที่พ่อค้าแม่ค้าจากทั่วสารทิศ ต้องมาแย่งกันเลือกสินค้าแบรนด์เนมมือสองสภาพดีไปขายต่อ ทว่าาแทนที่วันนี้สินค้าเกินครึ่งของตลาดกลับกลายเป็นสินค้า "ก๊อบปี้" แบรนด์เนมม ฉะนั้นหลายคนที่ตั้งใจไปหาสินค้ามือสองดี ๆ อาทิ เมดอินยูเอส หรือเจแปน เป็นต้องคอตกกลับไปทุกคน
ทั้งนี้ ดูจากตัวเลขนำเข้าเสื้อผ้าเก่าใช้แล้วจากประเทศกัมพูชาที่ผ่านด่านศุลกากรอรัญประเทศ ปรากฏว่าในช่วงปีงบประมาณ 2551-2557 เสื้อผ้าเก่าไม่ติด 1 ใน 10 อันดับสินค้านำเข้า
อย่างไรก็ตาม การค้าขายของก๊อปยังคงคึกคักทุกตลาด ได้แก่ ตลาดโกลเด้นเกต พลาซ่า, ตลาดโรงเกลือ, ตลาดเบญจวรรณ ศูนย์การค้าอินโดจีน, ตลาดรัตนธรรม, ตลาดเดชไทย และตลาดสตาร์ที่เพิ่งเกิดใหม่ แต่พ่อค้าแม่ค้าต้องคอยระแวดระวังการตรวจจับลิขสิทธิ์ ซึ่งหลายแห่งต้องปิดร้านหนี ทำให้ตลาดโรงเกลือวันนี้เงียบเหงาลงอย่างเห็นได้ชัด
อบจ.สระแก้วรับแก้ยากของก๊อบปี้
นายทรงยศเทียนทอง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สระแก้ว กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ตลาดโรงเกลือที่อยู่ในความดูแลของ อบจ.สระแก้ว มีเพียงตลาดโรงเกลือเดิมที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2536 เริ่มแรกเก็บค่าเช่าเพียงเดือนละ 300-400 บาทเท่านั้น แต่วันนี้ผู้เช่าได้นำไปให้ผู้ประกอบการเช่าต่อราคาประมาณ 3-4 หมื่นบาท/เดือน นอกนั้นเป็นตลาดของเอกชน โดยลักษณะสินค้าได้เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย จากเดิมเคยเป็นของบริจาคที่กัมพูชานำมาขาย ต่อมาของก๊อบปี้ได้แทรกซึมเข้ามาเรื่อย ๆ จนปัจจุบันเกินครึ่งของตลาดมีแต่ของก๊อบปี้
"ตลาดโรงเกลือเปลี่ยนไปเยอะ แต่ก่อนจะเห็นพวกคนญี่ปุ่นมาตามหากางเกงยีนส์ลีวายส์ริมแดง 501 เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้วหมดยุคที่ตาดีได้แล้วครับ เมดอินยูเอสเอไม่มีแล้ว มีแต่ของก๊อบปี้ เรื่องนี้สหรัฐอเมริกาเคยทำหนังสือถึงผม เรื่องสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ตลาดโรงเกลือนี่ขึ้นชื่อเลย ลิขสิทธิ์ต่าง ๆ ก็เข้มงวดขึ้น มีการตรวจจับมากขึ้นคือเราเคยพูดว่า เราเป็นสินค้ามือสองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตอนนี้ก็คิดว่าน่าจะเป็นก๊อบปี้ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยหรือเปล่า ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น แต่เมื่อบริบทของยุคสมัยมันเปลี่ยน ก็คงต้องปล่อยสักพัก ให้เขาปรับตัว" นายกสระแก้วกล่าว
แม้ว่าตลาดสินค้าก๊อบปี้มายึดโรงเกลือ นายก อบจ.สระแก้วมองว่า คนซื้อยังชอบของมือสองมากกว่า เพราะของก๊อปไม่ได้มีแค่ที่อรัญประเทศ ที่อื่น ๆ ในเมืองไทยก็มี ส่วนตัวยังอยากให้ตลาดกลับมาเป็นสินค้ามือสองเหมือนเดิม
"เคยคิดกันระดับประเทศนะว่า หลายหน่วยงานร่วมมือกันปราบของละเมิดลิขสิทธิ์ ผมก็เห็นด้วย แต่ที่สำคัญต้องแก้กฎหมาย เช่น สัญญาเช่าอาคาร หากนำอาคารไปใช้ในทางผิดกฎหมายให้ยกเลิกสัญญาได้ แต่ทุกวันนี้ทำไม่ได้ เพราะสัญญาไม่ได้เขียนมาแบบนั้น คือถ้าจะแก้ต้องแก้ทั้งหมด"
พิษการเมือง-ศก.ทำโรงเกลือซบ
นายนิมิตร นามาบ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โกลเด้นเกต พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดโรงเกลือซบเซาอย่างมาก ผู้ค้ารายได้หดจากหลักแสนเหลือหลักหมื่น สาเหตุคือปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้อในอดีต และสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ส่วนสินค้าก๊อบปี้ที่เข้ามาแทนที่สินค้ามือสองก็มีส่วน แต่ไม่ใช่สาเหตุหลัก
"พ่อค้าแม่ค้าที่ขายของวันเสาร์-อาทิตย์ที่ได้ประจำหลักแสน แต่ปัจจุบัน 2-3 หมื่นยังเหนื่อย คือคนเคยพกเงินมาพันหนึ่ง บางคนจ่ายหมดแล้วยังกดเอทีเอ็ม แต่ปัจจุบันพกมาหนึ่งพันบาท จ่ายแค่สามร้อย มันเป็นอย่างนี้จริง ๆ ส่วนของมือสองที่น้อยลงอาจเป็นเพราะกลุ่มลูกค้าที่จะมาหาของเก่ามือสองเริ่มน้อยลง เพราะทุกวันนี้ไปซื้อจตุจักร หรือสะพานพุทธ ราคาไม่ต่างกันมากอีกอย่างเมื่อก่อนพ่อค้าแม่ค้าจะมาคัดของเอง อย่างที่เคยได้ยินในสมัยก่อนว่า เปิดมาเจอกางเกงยีนส์ริมแดง 2 ตัว ก็คุ้มแล้ว แต่ปัจจุบันคนกัมพูชารู้มากขึ้น เขาคัดให้เองและยังกดราคาด้วย ทำให้ของดี ๆ เริ่มหายาก"
ผู้จัดการทั่วไปโกลเด้นเกตฯยอมรับว่า ตลาดโรงเกลือมีสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์มาก แต่สินค้าก๊อบปี้เหล่านี้กลายเป็นสีสันใหม่ของตลาดโรงเกลือ หลายคนมาเพื่อซื้อสิ่งเหล่านี้ แต่ที่ผ่านมาไม่เคยสนับสนุน เพราะเป็นสินค้าที่ไม่ยั่งยืน
"ถ้ามาโรงเกลืออันดับแรกเลยต้องเจอของก๊อปทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋ารองเท้า เช่น แบรนด์ fitflop หรือนิวบาลานซ์ และคนซื้อก็ชอบ แต่จริง ๆ เราไม่ส่งเสริมเลย เพราะเวลาเขาถูกจับก็มาวิ่งหาเรา บอกว่าถูกจับต้องปิดร้าน ไม่มีเงินเสียค่าเช่า บางคนก็มาอ้างว่าโดนปิดร้านมา 15 วัน ไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าเพราะค้าขายไม่ได้ เราเคยคุยกับผู้ประกอบการรายใหญ่ว่า ทำไมไม่ขายของที่ยั่งยืน ไม่ต้องหวาดระแวง เขาก็บอกว่าเขาค้าขายแบบนี้มีวางเครดิตกันไว้ ต้องเดินหน้าทำธุรกิจต่อไป ทุกวันนี้ทุกตลาดคิดเหมือนกันว่า ถ้าโรงเกลือเป็นอย่างนี้ ก็เหมือนระเบิดเวลา"
หวั่นกัมพูชาเปิดตลาดเอง
นายนิมิตรยังบอกอีกว่า ปัญหาที่ตลาดกังวลจากการไล่จับสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ และการที่คนไทยไปกดขี่ข่มเหงเรื่องค่าเช่า คือคนไทยบางคนเก็บค่าเช่าชาวกัมพูชาแพงมาก เช่น ค่าเช่าหลักหมื่น แต่เก็บค่ากินเปล่าอีกหลายแสน ทำให้ทุกตลาดกลัวมากว่าในอนาคตที่จะก้าวเข้าสู่เออีซี และเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ การเดินทางเข้าออกชายแดนสะดวกสบายขึ้น จะมีการเปิดตลาดในฝั่งปอยเปต ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อฝั่งไทยแน่ เพราะที่ตลาดโรงเกลือ 99% ผู้ค้าคือชาวกัมพูชา
"ทุกวันนี้ชาวกัมพูชาคิดว่าเขาโดนกดขี่ค่าเช่า ที่ผ่านมาราคาเท่าไหร่ก็สู้ อยู่ได้ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ก็สู้จนหมดตัว คืนห้องไป แต่ถ้าต่อไปการเข้าออกสะดวก เราก็กลัวเรื่องนี้เป็นหลัก เราพูดได้เต็มปากว่าถ้าไม่มีกัมพูชาเราตาย เราจะร้างเลย เขาไม่จำเป็นต้องมาค้าขายฝั่งเรา เขาก็มีนายทุน"
นี่คือสถานการณ์ใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นกับตลาดโรงเกลือ ซึ่งทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องเตรียมรับมือการเปลี่ยนผ่านในครั้งนี้เพราะวันนี้ศูนย์กลางสินค้ามือสองที่เคยยิ่งใหญ่ไม่มีซัพพลายอีกแล้วขณะที่สินค้าก๊อบปี้ก็เจอกับดักการละเมิดลิขสิทธิ์