มี.ค. ทองไทยซบราคาต่ำ2หมื่น นักค้าทองคาดเม็ดเงินQEยุโรปไหลเข้าตลาดหุ้น
เทรนด์ทองส่อแววซบ ตลาดไร้ข่าวใหม่หนุน คาดเงิน QE ยุโรปเพิ่มในเดือน มี.ค. น่าจะวิ่งเข้าตลาดหุ้น ผู้ค้ารายใหญ่ฟันธง ราคาทองในไทยไปไม่ถึง 20,000 บาท ระยะสั้นเล่นตามกรอบ ชี้แนวรับ 1,170-1,185 เหรียญ แนวต้าน 1,230 เหรียญ ส่วนทองแท่งทำกำไรต่ำสุดรอบละ 20 เหรียญ
นายบุญเลิศ สิริภัทรวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ออสสิริส เปิดเผยว่า ราคาทองคำในช่วงเดือนมีนาคม มีแนวโน้มแกว่งตัวแคบ (Side Way) โดยมีกรอบแนวรับประมาณ 1,170 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ หรือราคาทองในไทยอยู่ที่บาทละ 18,000 บาท ส่วนแนวต้านอยู่ที่ระดับ 1,260 เหรียญต่อออนซ์ หรือบาทละ19,200 บาท เนื่องจากไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้นการซื้อขายอย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับประเด็นที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะใช้มาตรการทางการเงินเชิงปริมาณ (QE) เพิ่มการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบด้วยการเข้าซื้อพันธบัตร และตราสารหนี้
ด้วยวงเงินประมาณ 6 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน ตั้งแต่มีนาคมนี้ ซึ่งไม่เป็นปัจจัยบวกต่อตลาดซื้อขายทองคำที่ชัดเจน เนื่องจากเงินดังกล่าวมีโอกาสไหลเข้าไปลงทุนได้ในแหล่งอื่นๆ เช่น ตลาดหุ้น เป็นต้น
"มาตรการ QE เป็นเรื่องที่หลายคนลุ้นว่าจะมีผลทำให้ราคาทองปรับตัวเพิ่มขึ้นเพราะได้รับอานิสงส์จากเงินทุนก้อนนี้ แต่ในความเป็นจริง เม็ดเงินจาก QE อาจจะไหลเข้าตลาดหุ้นก็ได้ ดังนั้นจึงเป็นประเด็นที่ไม่สามารถคาดหวังในเชิงบวกต่อราคาทองได้อย่างเต็มที่" นายบุญเลิศกล่าว
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยที่แนะนำให้นักลงทุนติดตาม คือ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ ซึ่งหากตัวเลขดังกล่าวปรับตัวดีขึ้นมาก อาจจะมีผลต่อราคาทองปรับตัวลดลงได้ เพราะแม้ธนาคาร
กลางสหรัฐ (เฟด) จะประกาศว่าจะยังไม่มีการปรับดอกเบี้ยนโยบายสำหรับการประชุม 2 ครั้งหลังจากนี้ก็ตาม แต่สำหรับนักลงทุนส่วนใหญ่มักคาดการณ์ว่าประเด็นตัวเลขการจ้างงานดังกล่าวจะส่งผลให้เกิดการปรับขึ้นดอกเบี้ยได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดแรงเทขายทองคำออกมาและราคาปรับลดลงในที่สุด
อย่างไรก็ตาม หากตัวเลขการจ้างงานออกมาไม่ดีเท่าที่ควร ก็ประเมินว่า ราคาทองยังจะปรับตัวขึ้นได้อย่างช้า ๆนายบุญเลิศให้กลยุทธ์การลงทุนว่า นักลงทุนที่ซื้อขายเก็งกำไรสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (Gold Futures) ให้ลงทุนตามกรอบระยะสั้นที่นักวิเคราะห์คาดการณ์
ส่วนนักลงทุนที่ซื้อขายทองคำแท่ง แนะนำ "ซื้อขายตามกรอบ" และตั้งเป้าหมายการทำกำไรต่ำสุดที่ 20 เหรียญ/ออนซ์
นายธนรัตน์ พสวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวว่าแนวโน้มการลงทุนในเดือนนี้ ประเมินว่าราคาทองคำจะแกว่งตัวในกรอบแคบ ซึ่งถือเป็นภาวะปกติ เนื่องจากในเดือนนี้ไม่มีเทศกาลพิเศษ จึงทำให้ขาดแรงซื้อเข้ามากระตุ้น ดังนั้นคาดว่าราคาทองมีแนวรับที่ระดับ 1,180 เหรียญ/ออนซ์ หรือคิดเป็นราคาทองในไทยบาทละ 18,000 บาท แนวต้านที่ 1,230 เหรียญ/ออนซ์ หรือบาทละ 18,900 บาท
อย่างไรก็ตาม หากราคาทองคำปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับ 1,200 เหรียญ/ออนซ์ หรือทองในไทยต่ำกว่าบาทละ 18,500 บาท แนะนำให้ "ทยอยซื้อสะสม"
นายแพทย์กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท เอ็มทีเอสโกลด์ แม่ทองสุก กล่าวว่า ช่วงเดือนนี้ ราคาทองคำน่าจะแกว่งตัวค่อนข้างแคบ เพราะยังขาดปัจจัยใหม่เข้ามาสนับสนุน ส่วนปัจจัยบวกอื่น ๆ เช่น มาตรการ QE ยุโรป การแก้ไขปัญหาหนี้ของกรีซ ก็เป็นที่รับรู้ของตลาดการลงทุนแล้ว ดังนั้น การเคลื่อนไหวของทองคำน่าจะมีกรอบแกว่งตัวประมาณ 1,185 เหรียญ/ออนซ์ หรือบาทละ 18,000 บาท แนวต้านที่ 1,230 เหรียญ/ออนซ์ หรือบาทละ 19,200 บาท