แข่งชิงเค้กตลาด "ประกันสุขภาพ" ส่งโปรดักต์ใหม่-เพิ่มทีมขายตรง-จับลูกค้าระดับบน

แข่งชิงเค้กตลาด "ประกันสุขภาพ" ส่งโปรดักต์ใหม่-เพิ่มทีมขายตรง-จับลูกค้าระดับบน

แข่งชิงเค้กตลาด "ประกันสุขภาพ" ส่งโปรดักต์ใหม่-เพิ่มทีมขายตรง-จับลูกค้าระดับบน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จับเทรนด์ "ประกันสุขภาพ" ขาขึ้น ตลาดโตรุ่ง ค่าย "บูพา" ปักธงทำสถิติปีนี้โต 25% เบี้ยรับรวม 3,000 ล้านบาท เพิ่มพนักงานขายตรง-เร่งขยายลูกค้าบุคคล แย้มไตรมาส 3 ส่งโปรดักต์ใหม่เจาะลูกค้ากลุ่มบน ฟาก "ทิพยประกันชีวิต" เผยค่ารักษาพยาบาลแพงขึ้น 10% ต่อปี ส่วนกรุงไทย-แอกซ่า จับกลุ่มครอบครัว

ผู้สื่อข่าวรายงานข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ระบุว่า สิ้นปี 2557 ยอดเบี้ยประกันสุขภาพรวมอยู่ที่ 38,349 ล้านบาท เติบโต 12.65% หรือ 4,307 ล้านบาท จากสิ้นปี 2556 ที่อยู่ 34,042 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยประกันรับปีแรก 7,960 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยปีต่อไป 30,385 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยจ่ายครั้งเดียว 3.83 ล้านบาท

ส่วนเบี้ยประกันสุขภาพของธุรกิจประกันวินาศภัยโต 16.38% หรือ 992 ล้านบาท จากปี 2556 ที่อยู่ 6,059 ล้านบาท เพิ่มเป็น 7,051 ล้านบาทในสิ้นปี 2557 ส่วนจำนวนกรมธรรม์เพิ่มขึ้น 2.9% หรือ 21,866 กรมธรรม์ จากสิ้นปี 2556 ที่มี 754,549 กรมธรรม์ เป็น 776,415 กรมธรรม์ในปีที่แล้ว

นายคริสโตเฟอร์ เดนนิส กรรมการผู้จัดการ บูพา ประกันสุขภาพ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ในปี 2558 นี้ บริษัทตั้งเป้าหมายยอดเบี้ยประกันสุขภาพเพิ่มขึ้น 25% โดยอยู่ที่กว่า 3,000 ล้านบาท เทียบจากปี ก่อนที่มียอดเบี้ยรับรวม 2,500 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเติบโตสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์

โดยในปีนี้ บริษัทจะเน้นขยายฐานลูกค้าบุคคลให้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นประมาณ 50% และลูกค้าองค์กร 50% จากปัจจุบันสัดส่วนลูกค้าองค์กรสูง 70% ด้านผลิตภัณฑ์ในปีนี้จะมุ่งเน้นเรื่องความคุ้มครองผลประโยชน์ทั้งการป้องกันและการรักษา และในไตรมาสที่ 3 นี้ บริษัทจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ให้ผลประโยชน์สูงสุดกว่าที่เคยมีมา (ปัจจุบันความคุ้มครองสูงสุดที่ 5 ล้านบาท) โดยจะตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มรายได้ระดับบน

"กรมธรรม์ลูกค้าบุคคลเติบโตขึ้นทุกปี เฉลี่ยที่ 30-35% ต่อปี นับเป็นจุดสำคัญที่บริษัทเชื่อว่าจะสามารถขยายฐานลูกค้าบุคคลได้มากขึ้น และปีที่ผ่านมาเราออกแบบประกันคริสตัล ที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลสำหรับการเจ็บป่วยและอุบัติเหตุ ซึ่งขายดีมากโดยเบี้ยประกันใหม่เข้ามา 500 ล้านบาท มีสัดส่วนเบี้ยดังกล่าวสูงถึง 46% ปีนี้เราจึงตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันสุขภาพโต 25%"

นายคริสโตเฟอร์กล่าวถึงกลยุทธ์ในปีนี้ว่า บริษัทจะเพิ่มพนักงานขายตรงอีก 80 คน จากปัจจุบัน 40 คน เพิ่มเป็น 120 คน

นายกิตติ ชุณหชวาลวง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานประกันสามัญและการตลาด บริษัท ทิพยประกันชีวิต กล่าวว่า ปัจจุบันค่ารักษาพยาบาลเพิ่มขึ้นเฉลี่ยประมาณ 10% ต่อปี ทำให้การประกันสุขภาพมีบทบาทต่อผู้บริโภคมากขึ้น ในปีนี้บริษัทจึงเน้นให้ความสำคัญกับการประกันสุขภาพมากขึ้น และเตรียมเพิ่มสิทธิประโยชน์ด้านการรักษาพยาบาลแก่ผู้บริโภคมากขึ้น โดยปัจจุบัน ลูกค้าที่ซื้ออนุสัญญาประกันสุขภาพของบริษัท ยังมีสัดส่วนน้อยประมาณ 5% เท่านั้น แต่มูลค่าเบี้ยประกันอยู่ที่ประมาณ 20% ของเบี้ยประกันภัยรับรวม หรือ 4,290 ล้านบาท ขณะที่ค่าเฉลี่ยเบี้ยประกันภัยต่อกรมธรรม์ของบริษัทสูงถึง 100,000 บาทต่อกรมธรรม์ ดังนั้น จึงยังมีช่องว่างให้บริษัทเข้าไปขยายความคุ้มครองได้มากขึ้น

"จากราคาค่ารักษาพยาบาลที่สูงขึ้นเฉลี่ยถึง10%ในแต่ละปี หากเงินเดือน 2-3 หมื่นบาท คงหนักใจมาก ดังนั้นสิ่งที่ทำได้ก็คือการซื้อประกัน อาจซื้อคุ้มครองไม่สูงแต่ซื้อส่วนควบสุขภาพมากขึ้นยุคนี้ซื้อค่าห้องต้องไม่ต่ำกว่า 2,000-5,000 บาท เบี้ยประกันต่อปีประมาณ 20,000 บาท แต่เกิดอะไรขึ้นเราอุ่นใจได้" นายกิตติกล่าว

นายเดวิด โครูนิช ประธานกรรมการบริหาร บริษัทกรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทเตรียมแอปพลิเคชั่น My AXA Health สำหรับลูกค้าที่มีกรมธรรม์ประกันสุขภาพ ซึ่งสามารถตรวจสอบสถานะกรมธรรม์และสิทธิประโยชน์ การเคลมสินไหมออนไลน์ รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เข้ามาพัฒนาช่องทางการให้บริการ และเพิ่มการเข้าถึงลูกค้าให้ได้มากยิ่งขึ้น

"การแข่งขันในธุรกิจประกันชีวิตเพิ่มสูงขึ้น ทำให้บริษัทต้องปรับตัวเพื่อเจาะลูกค้าตามพฤติกรรมเฉพาะมากขึ้น โดยขณะนี้ลูกค้าส่วนมากของบริษัทจะเป็นกลุ่มคนมีครอบครัว มีลูก 1-2 คน จึงเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างใส่ใจเรื่องสุขภาพ และกังวลเรื่องการศึกษาของบุตรในอนาคต ทางบริษัทจึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เน้นการออมทรัพย์ การป้องกัน และเน้นดูแลสุขภาพเพื่อสร้างความมั่นใจและลดความเสี่ยงให้ลูกค้า" นายเดวิดกล่าว

นางสาวพีรดา แสงอาทิตย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจ บมจ.ไทยศรีประกันภัย กล่าวว่า จากปริมาณคนสูงอายุเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้กลุ่มลูกค้าหลัก ได้แก่ ช่วงวัยก่อนเกษียณ (อายุ 40-60 ปี) ซึ่งมีฐานะการเงินดี จะเน้นวางแผนเพื่อดูแลสุขภาพตัวเองและต้องการได้รับความคุ้มครองด้านค่ารักษาพยาบาล ดังนั้นบริษัทจึงให้ความสำคัญในผลิตภัณฑ์ "ประกันสุขภาพ" โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ ผู้บริหาร และกลุ่มลูกค้าที่ไม่ต้องการซื้อประกันชีวิต

"นอกจากนี้ ยังมีค่าเบี้ยสุขภาพที่เราเน้นกลุ่มคนทำงานก็จะแบ่งอีกหลายแบบ เช่น แบ่งตามอาชีพและทุนประกัน เช่น 2 ล้าน หรือ 5 ล้าน เราสร้างทางเลือกให้กับลูกค้า ในการเลือกความสะดวกในการรักษาพยาบาลที่มากขึ้น" นางสาวพีรดากล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook