กอช.ชูการันตีผลตอบแทนสมาชิก ลงทุนเน้นสินทรัพย์มั่นคง-ตีกรอบเสี่ยงไม่เกิน 20%

สศค.เผยสูตรมัดใจสมาชิก กอช.ชูการันตีผลตอบแทน พร้อมตีกรอบแผนลงทุนเน้นสินทรัพย์มั่นคงสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 80% ระบุช่วงแรกบริหารพอร์ตเอง เผยกำลังเร่งสรรหา เลขาธิการ กอช. ปลัดคลังเล็งให้โอกาส "สมพร จิตเป็นธม" ขณะที่ ครม.ไฟเขียวบอร์ดรับเบี้ยประชุมเท่า กบข.

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผย"ประชาชาติธุรกิจ" ถึงแนวทางการบริหารเงินกองทุนของกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ที่จะมีการจัดตั้งในระยะข้างหน้าว่ากอช.จะมีการกำหนดเรื่องการรับประกันผลตอบแทนให้กับสมาชิก โดยอ้างอิงกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือนที่เฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 7 แห่ง เป็นฐานคำนวณ

โดยแนวทางการลงทุนหาผลตอบแทน กอช.จะมีระเบียบการลงทุนที่จะกำหนดหลักเกณฑ์ต่าง ๆ อาทิ กำหนดให้ลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูงไม่ต่ำกว่า 80% ของเงินกองทุน และสินทรัพย์เสี่ยงได้ไม่เกิน 20% เป็นต้น ดังนั้น กอช.จะเป็นผู้บริหารจัดการกองทุนตามแนวทางดังกล่าว

"ช่วงแรกคงยังไม่จ้าง เพราะวงเงินของกอช.ยังน้อย ซึ่งทาง กอช.ก็จะมีฝ่ายลงทุนของเขา และต้องรอให้มีการแต่งตั้งเลขาธิการ กอช.ให้เรียบร้อยก่อน โดยคณะกรรมการ กอช.ที่มีปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน ก็จะพิจารณาว่าจะให้สิทธิ์ผู้ที่เคยได้รับคัดเลือก หรือจะสรรหาใหม่เลย" นายกฤษฎากล่าว

สำหรับความคืบหน้าในการจัดตั้ง กอช. ขณะนี้กำลังเร่งกระบวนการสรรหาเลขาธิการ กอช. และกำหนดโครงสร้างต่าง ๆ ให้เรียบร้อย เนื่องจากรัฐบาลต้องการให้เปิดรับสมาชิกในเดือน มิ.ย.นี้ ซึ่งสำหรับปีงบประมาณ 2558 นี้ ไม่มีปัญหาเรื่องงบประมาณ เนื่องจาก กอช.มีเงินอยู่แล้วประมาณ 600-700 ล้านบาท จึงสามารถเดินหน้าได้ทันที

"ปีนี้ถ้ารับสมาชิกเข้ามา 5 แสนคน ก็ไม่ต้องขอเงินเพิ่มเติม เพราะเงินที่มีรองรับได้อยู่แล้ว ส่วนกลุ่มที่จะโอนมาจากมาตรา 40 กองทุนประกันสังคม เขาก็จะมีเงินมาด้วย จึงไม่มีปัญหาเช่นกัน" นายกฤษฎากล่าว

นอกจากนี้ สำหรับปีงบประมาณ 2559 ได้มีการขอตั้งงบประมาณไว้แล้ว เพื่อรองรับสมาชิกเข้ามาทั้งหมด 1.5 ล้านคน ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้สมาชิกจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนได้ปีละไม่เกิน 13,200 บาทต่อคน และรัฐบาลจ่ายเงินสมทบตามอายุสมาชิก

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังกล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2558 ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบร่างกฎหมายและการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับ กอช. ซึ่งเป็นไปตามที่คณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้อนุมัติหลักการไว้ตั้งแต่การประชุมเมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2558

โดย ครม.ได้อนุมัติร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายฉบับ พร้อมกับเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องหลักเกณฑ์และอัตราค่าตอบแทนของคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการ กอช. โดยกำหนดให้คณะกรรมการและคณะอนุกรรมการของ กอช.ได้รับประโยชน์ตอบแทนในอัตราเดียวกันกับกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ด้วย

"ประธานกรรมการจะได้รับประโยชน์ตอบแทน 10,000 บาทต่อเดือน กรรมการได้รับ 8,000 บาทต่อเดือน ประธานอนุกรรมการได้รับ 5,000 บาทต่อเดือน และอนุกรรมการได้รับ 4,000 บาทต่อเดือน โดยให้จ่ายเป็นรายเดือนเฉพาะเดือนที่เข้าร่วมประชุม" แหล่งข่าวกล่าว

ก่อนหน้านี้ นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานบอร์ด กอช. ระบุว่า บอร์ดจะพิจารณาว่า การแต่งตั้งเลขาธิการ กอช.นั้นจะให้สิทธิ์รายเก่าที่เคยได้รับการสรรหาไว้ก่อนหน้านี้ หรือเปิดสรรหาคนใหม่ ซึ่งต้องขึ้นกับเจ้าตัวด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คณะกรรมการ กอช.ที่มี นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ซึ่งขณะนั้นเป็นปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานสรรหา ได้มีมติเลือกผู้มีคุณสมบัติผ่าน คือ นายสมพร จิตเป็นธม รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือเอ็กซิมแบงก์เป็นเลขาธิการ กอช. โดยได้เจรจาค่าตอบแทนกันเป็นที่ยุติแล้ว แต่หลังจากนั้น นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ไม่ได้มีการลงนามแต่งตั้ง เพราะมีแนวทางจะยุบเลิก กอช.แล้วไปใช้ช่องทางมาตรา 40 ของประกันสังคมแทน