Q1 ชอร์ตเซลหุ้นไทยเฉียด4หมื่นล. "PTT-KBANK-TRUE" ฮอต/ส่งซิกปลาย มี.ค.ซื้อคืน
ชอร์ตเซลหุ้นไทย 3 เดือนแรก มูลค่าสูงเกือบ 4 หมื่นล้านบาท "PTT-KBANK-TRUE" ฮอต ฟากโบรกคาด ปลาย มี.ค.เกิดแรงซื้อจากการทำ Short Covering แน่ แต่อาจมาเป็นรายบริษัท คาด แบงก์-สื่อสาร ได้อานิสงส์ราคาปรับตัวขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธุรกรรมการยืมหุ้นเพื่อขายล่วงหน้า (Short Sell) ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา (1 ม.ค.-24 มี.ค. 2558) มีมูลค่ารวม 3.78 หมื่นล้านบาท โดยในช่วงดังกล่าวพบว่าหุ้นที่นักลงทุนให้ความสนใจมากที่สุดคือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ซึ่งมีมูลค่าการชอร์ตเซลสูงถึง 6.49 พันล้านบาท รองลงมาคือ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK และบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE
อย่างไรก็ตาม หากประเมินภาพรวมธุรกรรมชอร์ตเซลเฉพาะในเดือนล่าสุด (2 มี.ค.-24 มี.ค. 2558) ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวนในทิศทางขาลงนั้น ยังพบว่า การชอร์ตเซลมีมูลค่าสูงสุดในรอบ 3 เดือน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.39 หมื่นล้านบาท โดยหุ้นที่นักลงทุนให้ความสนใจสูงสุด คือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC มูลค่า 1.59 พันล้านบาท TRUE มูลค่า 1.58 พันล้านบาท และ PTT มูลค่า 1.27 พันล้านบาท
นายวิกิจ ถิรวรรณรัตน์ ผู้อำนวยการสายงานวิจัยลูกค้าบุคคล บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า จากการประเมินสถานการณ์เบื้องต้น คาดว่าในช่วงปลายเดือน มี.ค. น่าจะเกิดแรงซื้อเพื่อทดแทนหุ้นที่ยืมโบรกเกอร์มาขายล่วงหน้า (Short Covering) เพราะขณะนี้ตลาดหุ้นได้ปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมากแล้ว เนื่องจากนักลงทุนรับรู้ปัจจัยลบหลายประเด็น เช่น ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว การเบิกจ่ายงบฯลงทุนภาครัฐที่ล่าช้า และแนวโน้มกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่ไม่ดีนักในช่วงไตรมาส 1/58 ดังนั้นจึงน่าจะมีการทำกำไรด้วยการชอร์ตคัฟเวอริ่งเพิ่มขึ้น
"ก่อนหน้านี้ตลาดมีทิศทางปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องจึงส่งผลให้นักลงทุนบางกลุ่มหวังทำกำไรจากตลาดหุ้นขาลงด้วยการชอร์ตเซลส่วนตอนนี้เมื่อตลาดหุ้นรับรู้ข่าวร้ายจนหมดแล้ว จึงน่าจะมีโอกาสที่จะเห็นการชอร์ตคัฟเวอริ่งเพื่อทำกำไรได้" นายวิกิจกล่าว
อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าการเกิดชอร์ตคัฟเวอริ่ง ไม่น่าจะส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นโดยรวมปรับตัวขึ้นมากนัก เพราะนักลงทุนน่าจะเลือกทำการชอร์ตคัฟเวอริ่งเป็นรายหลักทรัพย์ โดยเฉพาะ บจ.ที่มีประเด็นสนับสนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นได้ในระยะข้างหน้า เช่น KBANK ที่คาดการณ์ว่าจะมีการประกาศจ่ายเงินปันผลที่ดี เป็นต้น
นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระพัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมาได้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง จนเข้าเขตการขายที่มากเกินไป (Over Sold) ดังนั้นส่วนตัวจึงประเมินว่าในช่วงปลายเดือน มี.ค.นี้ มีโอกาสที่ดัชนีจะปรับตัวขึ้นได้บ้าง โดยเฉพาะหากดัชนีสามารถยืนเหนือแนวรับสำคัญที่ระดับ 1,500 จุดได้ ก็มีโอกาสจะปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,525-1,530 จุด
ทั้งนี้ ในช่วงที่ตลาดดีดตัวขึ้นนั้น คาดว่าราคาหุ้นบางบริษัทจะปรับตัวขึ้นได้อย่างน่าสนใจ เช่น หุ้นในกลุ่มสื่อสาร และกลุ่มธนาคาร เป็นต้น ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความคาดหวังด้านการจ่ายเงินปันผลที่จะเข้ามาสนับสนุนราคาในอนาคต ประกอบกับมีแรงหนุนจากนักลงทุนที่ได้ชอร์ตเซล บจ.กลุ่มนี้ไว้ในช่วงก่อนหน้า ซึ่งต้องเริ่มเข้ามาทำการชอร์ตคัฟเวอริ่ง เพื่อทำกำไรบ้างแล้ว จึงส่งผลดีต่อกลุ่มหุ้นดังกล่าว