ตั้งเป้ารีดภาษีให้ได้ 8.5 หมื่นล้าน! กทม.เล็งเก็บค่าจอดรถ-เพิ่มภาษีป้าย-โรงเรือน
เมื่อวันที่ 7 เม.ย. นายจุมพล สำเภาพล รอง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดการสัมมนาสรุปผลการดำเนินโครงการจ้างที่ปรึกษาศึกษาความเป็นไปได้และแนวทางในการจัดหาแหล่งเงินทุนของกทม.โดยนายจุมพลกล่าวว่า กทม.มีภารกิจที่อยู่ในความรับผิดชอบและที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันมีข้อจำกัดเรื่องอำนาจหน้าที่ รวมทั้งการจัดเก็บรายได้ที่ไม่เพียงพอกับความต้องการใช้งบประมาณ ซึ่งรายได้ที่กทม.จัดเก็บเอง คิดเป็นร้อยละ 23 และรายได้ที่ส่วนราชการอื่นจัดเก็บให้ร้อยละ 77 ของรายได้ทั้งหมด จึงต้องหาแหล่งเงินทุนภายนอกเพื่อลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐาน
นายจุมพลกล่าวต่อว่า กทม.ได้วางแนวทางการหาแหล่งเงินทุน 3 ระยะ ได้แก่ ระยะเร่งด่วน การกู้เงินสถาบันการเงินที่มีอยู่ ระยะกลาง ปรับกฎหมาย เพื่อให้ออกเงินค้ำประกันได้ และระยะยาว ต้องแก้กฎหมายเพื่อให้ออกเงินค้ำประกันได้ อย่างไรก็ตามแนวทางการหาแหล่งเงินทุนต้องพิจารณาขีดความสามารถในการชำระหนี้ พร้อมดอกเบี้ย ในระยะ 30 ปีด้วย
"กทม.จะพัฒนาขีดความสามารถการจัดเก็บภาษีและรายได้ให้มีศักยภาพสูงขึ้น โดยแก้ไขพ.ร.บ.กรุงเทพมหานคร พ.ศ.2528 เรื่องการจัดเก็บภาษีโรงแรมและยาสูบ รวมทั้งแก้กฎหมายที่จอดรถ ซึ่งอัตราเดิมไม่เพียงพอ เช่น ประเทศอเมริกา ฝรั่งเศส มีรายได้จากการจัดเก็บค่าที่จอดรถจำนวนมาก ขณะเดียวกันกทม.จะเพิ่มภาษีบำรุงท้องที่ โรงเรือนและที่ดินและภาษีป้ายให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยมากขึ้น โดยตั้งเป้าปี 2559 จำนวน 8.5 หมื่นล้านบาท" นายจุมพลกล่าว
นายจุมพลกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ กทม.จะพัฒนาระบบแผนที่ภาษีให้มีความชัดเจนมากขึ้น เพราะพื้นที่กทม.มี 2.5 ล้านแปลง แต่มีผู้เสียภาษีเพียง 6 แสนรายเท่านั้น ขณะเดียวกันปัจจุบันการประเมินที่ดินไม่สอดคล้องกับราคาขายจริง ดังนั้นจะประสานกรมธนารักษ์เพื่อให้สอดคล้องซึ่งจะจัดเก็บภาษีเพิ่มได้อีกทางหนึ่ง