ลงทุนหมื่นล้าน"เขาใหญ่-ปากช่อง"ป่วนหนัก ซื้อขายที่ดินราคาร่วง30% ผวาทิ้งเงินจองคอนโด

ลงทุนหมื่นล้าน"เขาใหญ่-ปากช่อง"ป่วนหนัก ซื้อขายที่ดินราคาร่วง30% ผวาทิ้งเงินจองคอนโด

ลงทุนหมื่นล้าน"เขาใหญ่-ปากช่อง"ป่วนหนัก ซื้อขายที่ดินราคาร่วง30% ผวาทิ้งเงินจองคอนโด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตลาดอสังหาฯเขาใหญ่ ปากช่องปั่นป่วน หลังเจอปฏิบัติการตรวจเข้มรุกป่าพร้อมไล่ยึดที่ดินคืน ด้านผู้ประกอบการ-ลูกค้าผวาหนัก รายใหม่ชะลอลงทุน ซื้อขายที่ดินชะงัก ทุบราคาร่วงกว่า 30% หวั่นกระทบลงทุนหมื่นล้าน

นายหัสดิน สุวัฒนะพงศ์เชฎ ประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า กรณีการตรวจสอบและยึดคืนที่ดินเขาใหญ่ ปากช่อง หากมองจากภาพรวมแล้วการซื้อขายที่ดินมีปัญหาเกิดขึ้นกับทั้งผู้ประกอบการและราชการ ซึ่งฝ่ายราชการทำกระบวนการผิดตั้งแต่แรก คนซื้อไม่ผิด ปัญหานี้ทำให้คนไม่กล้าซื้อขายที่ดิน ผู้ประกอบการก็ไม่มีความแน่ใจที่จะลงทุนเพราะกลายเป็นคนผิดถ้าซื้อขายไม่ถูกต้อง ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบรวมแล้วเป็นจำนวนมาก คาดว่าน่าจะเป็นมูลค่ามากกว่าหมื่นล้านบาท

"คนที่ซื้อที่ดินไว้ก็ยังไม่กล้าลงทุนก่อสร้าง เพราะหวั่นว่าจะเกิดการยึดที่ดินคืนขณะที่นักท่องเที่ยวหวั่นเกรงการเข้าตรวจยึด ทั้งนี้ เมื่อไม่มีการเคลื่อนไหวด้านการลงทุน ก็จะไม่มีการจับจ่ายใช้สอย เกิดผลกระทบเป็นลูกโซ่ ดังนั้น ราชการต้องประกาศการซื้อขายด้วยความสุจริต ต้องมีความอะลุ่มอล่วยให้กับนักลงทุน ต่อไปใครจะกล้ามาลงทุนอีก"

นายสมบัติ สุวรรณดวง ประธานชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเขาใหญ่-ปากช่อง เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า การขยายการลงทุนหรือลงทุนใหม่ของผู้ประกอบการต่าง ๆ ในพื้นที่ขณะนี้ยังคงชะลอการลงทุนออกไป เพื่อดูทิศทางในหลาย ๆ เรื่องที่เกิดขึ้น ส่วนการซื้อขายที่ดินก็เกิดการชะลอตัวนักลงทุนไม่กล้าตัดสินใจซื้อที่ดินซึ่งแต่ละโครงการที่เกิดขึ้นใน อ.ปากช่อง ล้วนเป็นโครงการขนาดใหญ่เกือบทุกโครงการ อีกทั้งยังเป็นบ้านหลังที่ 2 ของคนกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงหลายคน

สำหรับมูลค่าการลงทุนในพื้นที่โซนเขาใหญ่ ปากช่อง มีมูลค่าการลงทุนหลายหมื่นล้านบาททั้งในรูปแบบคอนโดมิเนียม บ้านพักตากอากาศ บ้านจัดสรร ปัจจุบันราคาที่ดินตารางวาละประมาณ 8,000-40,000 บาท

"ชมรมไม่สามารถลงรายละเอียดแต่ละโครงการได้ว่า โครงการใดที่โดนตรวจสอบบ้างแต่สมาชิกของชมรมมากกว่า 70% ที่คาดว่าเข้าข่ายโดนตรวจสอบแน่นอน หลังจากนี้จะมีการประชุมเพื่อวางแผนและช่วยเหลือผู้ประกอบการ ซึ่งต้องดูท่าทีเกี่ยวกับประเด็นที่เกิดขึ้นอีกครั้ง และจะต้องดูความถูกต้องเป็นหลักประกอบด้วย"

สำหรับสถานการณ์ท่องเที่ยวเขาใหญ่ตอนนี้เป็นช่วงโลว์ซีซั่น ซึ่งยังคงมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวแบบครอบครัวเป็นปกติ เพราะปากช่องมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้เลือกหลากหลายกิจกรรม

แหล่งข่าวจากวงการอสังหาริมทรัพย์ในอำเภอปากช่อง เปิดเผยว่า เมื่อมีเหตุการณ์ยึดคืนที่ดิน ทำให้เกิดผลกระทบที่รุนแรงกับวงการอสังหาริมทรัพย์ในปากช่อง เพราะไม่มีความมั่นคง โฉนดที่ดินถูกเพิกถอน เกิดความไม่เชื่อถือในการซื้อขาย ทำให้โครงการชะลอตัวอย่างรุนแรงมากกว่า 50% โดยเฉพาะโครงการที่อยู่ในเขตเขาใหญ่ค่อนข้างไม่มั่นคง ส่วนโครงการด้านนอกที่อยู่ใกล้แหล่งชุมชนยังคงปกติ

แหล่งข่าวระบุอีกว่า อสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวหนัก มีลูกค้าทิ้งเงินจองมากกว่า 30% โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มคอนโดมิเนียม ส่วนลูกค้าเดิมที่มีการซื้อขายไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มบ้านพักตากอากาศ บ้านจัดสรร ยังคงมีการส่งเงินดาวน์เป็นปกติอยู่ แต่ผู้ประกอบการคอนโดฯได้รับผลกระทบหนักมาก โครงการหลายแห่งยังสร้างไม่เสร็จยังไม่พร้อมที่จะโอน ลูกค้าจึงตัดสินใจทิ้งเงินจองได้ง่ายขึ้น อีกทั้งคอนโดฯในเขาใหญ่ ใช้เงินดาวน์เพียง 10% เท่านั้น

ปัจจุบันในพื้นที่เขาใหญ่มีคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นมากกว่า 3,000 ยูนิต บ้านจัดสรรประมาณ 20 โครงการ ซึ่งยังพอขายได้และที่ดินจัดสรรมีเป็น 100 โครงการ รวมมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท หากมีการตรวจสอบและเอาผิดกับผู้ประกอบการ คาดว่าจะได้รับผลกระทบไม่ต่ำกว่าหมื่นล้านบาทเช่นกัน

"การได้มาของที่ดิน ผู้ประกอบการไม่ทราบอยู่แล้วว่ากระบวนการของเจ้าหน้าที่ภาครัฐทำมาอย่างไร เมื่อมีเอกสารโฉนดที่ถูกต้อง ผู้ประกอบการก็ตัดสินใจซื้อ และซื้อขายกันมาเป็นทอด ๆ ปัญหาเหล่านี้เกิดจากสำนักงานที่ดินมีหลายแปลงที่ถูกเพิกถอน จึงไม่กล้าเสี่ยงที่จะลงทุน" แหล่งข่าวกล่าว


ด้านนายพิสิษฐ์ นาคำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สวรรค์สร้าง จำกัด ผู้ประกอบการซื้อขายที่ดินและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในอำเภอปากช่อง เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการซื้อขายที่ดินได้รับผลกระทบจากเรื่องดังกล่าวมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว นับตั้งแต่มีการเข้ามาตรวจสอบที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิหรือที่ดินที่ได้มาจากการทุจริตในเขตพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาเมื่อมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นทำให้การซื้อขายที่ดินในปากช่องชะลอตัวลดลงไปมากกว่า50%นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นมีความกังวลอย่างมากจึงขอยกเลิกการซื้อขายหลายแปลง

ที่ผ่านมาการตัดสินใจซื้อที่ดินไม่มีการลังเล แต่ตอนนี้นักลงทุนต้องตรวจสอบเอกสารการซื้อขายและรายละเอียดมากขึ้นเพราะกลัวว่าจะโดนเวนคืน ขณะนี้ผู้ประกอบการและนักลงทุนต่างดูท่าทีก่อนยังไม่กล้าขยับ และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ขณะนี้การซื้อขายที่ดินมีการปรับราคาลดลงมากกว่า 30-40%

"คาดว่าการซื้อขายที่ดินน่าจะดีขึ้นหลังจากกรณีของโบนันซ่ามีความชัดเจนหรืออีกประมาณ 5-6 เดือนจะกลับมาคึกคัก และหากมีการลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ต่าง ๆ ของรัฐบาลที่จะมาลงภาคอีสาน ก็จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้การซื้อขายที่ดินกลับมาคึกคักได้อีกเช่นกัน" นายพิสิษฐ์กล่าวvv

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook