Bar B Q Plaza เปิดตำรา ‘รีแบรนด์ดิ้ง’

Bar B Q Plaza เปิดตำรา ‘รีแบรนด์ดิ้ง’

Bar B Q Plaza เปิดตำรา ‘รีแบรนด์ดิ้ง’
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สูตรสำเร็จของอาณาจักรปิ้งย่างยุคผลัดใบ เมื่อทายาทหนุ่มสาวเจเนอเรชั่นใหม่ ตัดสินใจ รีแบรนด์ดิ้งองค์กร ในรอบ 25 ปี!

จากเด็กสาวที่วิ่งเล่นอยู่หน้าร้านบาร์บีคิว พลาซ่า (BAR B Q Plaza) วันนี้ เป้-ชาตยา ชูพจน์เจริญ ทายาทสาวคนโต กลายเป็นผู้บริหารเต็มตัว คุมธุรกิจร้านอาหารนับ 100 สาขาทั่วประเทศ และอีก 18 สาขาในอาเซียน จากธุรกิจเล็กๆ ในครอบครัวที่มีพนักงานเพียง 30 คน สู่องค์กรแบบมืออาชีพที่มีสมาชิกไม่ต่ำกว่า 3,000 คน!

เมื่อธุรกิจผลัดใบ
จริงๆ แล้ว เราสามคนพี่น้องเติบโตมากับบาร์บีคิว พลาซ่า ตั้งแต่เด็กเลย เห็นตั้งแต่วันแรกที่คุณพ่อคุณแม่เปิดร้านที่เซ็นทรัลลาดพร้าว เราถูกเลี้ยงมาในร้าน วิ่งเล่นอยู่หน้าร้าน เบื่อก็มาช่วยพี่เขาทำงาน ก็ได้เห็นพัฒนาการต่างๆ ของร้านมาโดยตลอด


ด้วยความที่เป็นครอบครัวคนจีน ที่บ้านจะคุยกันปรึกษากันตลอดทั้งเรื่องงาน และเรื่องส่วนตัว คุณพ่อคุณแม่ไม่เคยบังคับว่าเรียนจบจะต้องกลับมาช่วยงานที่ร้าน เพราะลูกแต่ละคนก็มีความชอบ มีเส้นทางเดินเป็นของตนเอง แต่กลายเป็นเรื่องบังเอิญที่ความชอบและความถนัดของแต่ละคนสามารถนำมาต่อยอดกับธุรกิจ ร้านอาหารได้อย่างลงตัว

เราชอบเรื่อง Creativity กับ Business เลยเลือกเรียนต่อด้าน Marketing ส่วนน้องสาว (ปุ้ย-นีรดา ชูพจน์เจริญ) จบมาทางด้าน Finance ขณะที่น้องชาย (ป้อง-ชนินทร์ ชูพจน์เจริญ) มีพรสวรรค์ในการทำอาหารมาก บวกกับชอบวิทยาศาสตร์ เลยเรียนมาทางด้าน Food Science ซึ่งมีประโยชน์มากในการพัฒนา ระบบคุณภาพอาหาร ทั้งในเรื่องรสชาติและความปลอดภัย


พอเรียนจบกลับมาเราก็ยังอยากจะฝึกงาน ยังอยากหาประสบการณ์ข้างนอก คุณพ่อคุณแม่ท่านก็ไม่ว่าอะไร จนกระทั่งการแข่งขันในธุรกิจร้านอาหารเริ่มรุนแรงขึ้น คู่แข่งเยอะขึ้น จากแต่ก่อนในห้างสรรพสินค้า มีร้านอาหารประมาณ 5-10 ร้าน ก็เพิ่มเป็น 30-40 ร้าน จนวันนี้มีเป็นหลักร้อย คุณพ่อ คุณแม่ก็มาปรึกษาเรา เขาเห็นเราทำงานมี ประสบการณ์ เริ่มโตเป็นผู้ใหญ่ เวลาที่เราออกไปข้างนอกได้เห็นบริษัทอื่นๆ มีไอเดีย ธุรกิจอย่างไร เราก็กลับมาบอกคุณพ่อ คุณแม่ว่า น่าจะทำแบบนั้นแบบนี้นะ คือลึกๆ แล้วเราก็อยากเห็นบาร์บีคิว พลาซ่าเติบโตขึ้น เรื่อยๆ คุยไปคุยมา ท่านก็บอกว่า ถ้าอยากจะเห็นผลผลิตจากไอเดียของตนเอง มีทางเดียว คือต้องลงมือทำ เลยคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องกลับมาทำงานที่นี่ และนำสิ่งที่เราคิด สิ่งที่เราพูด ทำออกมาให้เห็นเป็นผลงานที่จับต้องได้

ถึงเวลาเปลี่ยนแปลง
ช่วงแรกที่เข้ามา เราต้องการมาเรียนรู้ ไม่ได้ต้องการจะเปลี่ยนโน่นเปลี่ยนนี่ ไม่ใช่ว่า เราเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรง แล้วจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย เราเริ่มต้นจากการ เป็นพนักงานระดับล่าง ค่อยๆ เรียนรู้แนวทาง การบริหารงานของคุณพ่อคุณแม่ ค่อยๆ ทำความรู้จักกับคลื่นลมของคนในองค์กร เราใช้เวลาศึกษาตรงนี้พอสมควร จนเมื่อถึง จุดหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่เริ่มส่งไม้ต่อให้ กับเราจริงๆ เราก็สามารถจะปรับรูปแบบ การบริหารงานให้เป็นในแบบของเรา ในสไตล์ ของเราได้


ตอนนั้นบาร์บีคิว พลาซ่า กำลังจะเข้าสู่ปีที่ 25 เรารู้สึกว่า ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างแล้ว เพราะสภาพแวดล้อม ในการแข่งขันสูงมาก หลายสิ่งหลายอย่าง เปลี่ยนไปหมด เราไม่สามารถคิดแบบเดิม ทำธุรกิจแบบเดิมได้อีกแล้ว ถ้าเราไม่เปลี่ยน สิ่งรอบตัวที่เปลี่ยนแปลงไป ก็จะวิ่งแซงหน้าเรา เราจึงตัดสินใจรีแบรนด์ดิ้งครั้งใหญ่ในรอบ 25 ปี และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ขององค์กร

ดูแลลูกค้าภายนอก
เราเริ่มจากการปรับรูปลักษณ์ภายนอก เพื่อให้องค์กรดูทันสมัย ปรับเปลี่ยนโฉมทั้ง บาร์บีกอน โลโก้ ชุดพนักงาน บรรยากาศภายในร้าน ภาชนะ Table Top Experince และวิธีการสื่อสารไปยังผู้บริโภค


เราต้องการให้แบรนด์บาร์บีคิว พลาซ่า ดูทันสมัยขึ้น เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมายไปสู่ กลุ่มคนรุ่นใหม่และคนวัยทำงาน ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่เดินห้างตลอดเวลา เนื่องจากบาร์บีคิว พลาซ่าเปิดเฉพาะในห้างสรรพสินค้า 100% เพราะฉะนั้น ข้อความต่างๆ ที่เราพูดออกไป ต้องสามารถสื่อสารครอบคลุมทั้งกลุ่มเป้าหมาย ที่เป็นวัยรุ่น วัยทำงาน รวมถึงกลุ่มครอบครัว ซึ่งเป็นลูกค้าที่อยู่กับเรามา 25 ปี โดยคน กลุ่มนี้แต่ก่อนก็เคยเป็นวัยรุ่น วัยทำงาน ที่เดินห้าง เพียงแต่เมื่อเขามีครอบครัวความถี่ในการมาใช้บริการก็อาจจะลดลง

เข้าใจลูกค้าภายใน
นอกจากการรีแบรนด์ดิ้งภายนอกแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันคือ การรีแบรนด์ดิ้งภายใน เราต้องทำให้ทุกคน ในองค์กรเชื่อไปในทิศทางเดียวกันก่อนว่า เราอยากจะเปลี่ยนแปลงนะ เปลี่ยนแปลง แล้วดีอย่างไร หรือถ้าไม่เปลี่ยนแปลงแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่เปลี่ยนเพราะผู้บริหารบอกให้เปลี่ยน


ที่ผ่านมา บาร์บีคิว พลาซ่า พยายาม ให้ความสำคัญกับคำว่า “ทำมื้อนี้ให้ดีที่สุด” เพื่อให้ลูกค้าได้รับความสุขและประสบการณ์ที่ดีที่สุดทุกครั้งที่มาที่ร้าน ในขณะที่เราต้องการให้ ลูกค้าเชื่อแบบนั้น เราเอง ก็ต้องทำให้พนักงานของเราทุกคนเชื่อ แบบนั้นจริงๆ


เราเริ่มจากรายละเอียดเล็กๆ อย่างการ เปลี่ยนชุดพนักงานให้ดูทันสมัยขึ้น เปลี่ยนจากรองเท้าคัทชูที่ดูสุภาพมากๆ มาเป็นรองเท้าผ้าใบ เพื่อให้เขาทำงานได้สะดวก รู้สึกกระฉับกระเฉง เพราะเราเชื่อว่า เมื่อ พนักงานมีความสุขและรู้สึกสนุกไปกับ การทำงาน เขาจะสามารถส่งมอบความสุข และประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าได้


ยิ่งไปกว่านั้น ทุกครั้งที่มีแคมเปญการตลาด เราเองก็จะให้พนักงานของเราได้มีส่วนร่วม อย่างแคมเปญ ‘เที่ยวเลือกได้ 1,000,000 บาท’ ซึ่งบาร์บีคิว พลาซ่าจะพาลูกค้าผู้โชคดี ไปเที่ยวทริปที่ดีที่สุดในโลก จะไปที่ไหน กับใคร จำนวนกี่คนก็ได้ โดยที่บาร์บีคิว พลาซ่า จ่ายให้ 1 ล้านบาท! เมื่อเสร็จแคมเปญ เราก็เซอร์ไพรส์พนักงาน ด้วยการมอบของขวัญชิ้นเดียวกันนี้ ให้ทุกคน ได้ร่วมสนุก เพื่อให้เขาได้รับความสุขเหมือนเป็นลูกค้าคนหนึ่งของเราเช่นกัน

เปลี่ยนแปลงทุกวัน
ความสำเร็จในการรีแบรนด์ดิ้งครั้งนี้ เป็นบทเรียนว่า การรอให้ถึง 25 ปี แล้วค่อยรีแบรนด์ดิ้งครั้งใหญ่ ต้องใช้แรงเยอะมาก ใช้ทรัพยากรเยอะมาก และใช้เงินเยอะมาก ต่อไปนี้เราจะไม่รอให้ถึงคราวที่จำเป็นต้องเปลี่ยน แล้วจึง ค่อยเปลี่ยนแต่เราจะรีแบรนด์ดิ้ง องค์กรอย่างสม่ำเสมอ ทำทุกวัน วันละนิดวันละหน่อย ทำวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวานไปเรื่อยๆ เราเองก็จะ ไม่เหนื่อย ลูกค้าก็จะรู้สึกถึงความสดใหม่ขององค์กรตลอดเวลา
ที่สำคัญ การที่จะเปลี่ยนแปลงองค์กรทั้งองค์กรได้นั้น ไม่สามารถทำได้ด้วยใคร คนใดคนหนึ่ง ต้องให้ทุกคนในองค์กร ได้มีส่วนร่วมในการวาดภาพความสำเร็จด้วยกันว่า ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า เราอยาก ให้คนพูดถึงเราว่าอย่างไร ทุกคนจะได้มีพันธสัญญาร่วมกันว่า เราอยากจะก้าวไป ถึงจุดนี้นะ ไม่ว่าระหว่างทางจะมีอุปสรรค แค่ไหน เมื่อเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว เราก็จะ ก้าวไปด้วยกัน

เคล็ดลับในการทำธุรกิจ

1. มีกำลังใจที่ดี
กำลังทรัพย์อาจมีต่างกัน แต่กำลังใจเราสร้าง เองได้ Passion เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการทุกคนต้องมีและต้องสร้างเสมอ อย่าให้เหือดแห้งไปตามสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะผู้นำองค์กร ถ้าไม่มีกำลังใจในการทำงานแล้ว สิ่งต่างๆ จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย

2. มีทีมที่ดี
ทีมงานเป็นส่วนสำคัญที่สุดในการที่จะทำให้ธุรกิจหนึ่งประสบความสำเร็จ พยายามหาคนที่มี attitude ในการใช้ชีวิตและการทำงานคล้ายกับเรา จะได้เติมเต็ม passion ให้แก่กันได้อย่างเต็มที่

3. Think Big, Start Small
อยากให้ทุกคนมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ และค่อยๆ ก้าวไปข้างหน้าทุกวัน ไม่ต้องรีบร้อน เพราะถ้าเรามองแต่ก้าวที่ใหญ่เกินไป กำลังใจของเราก็จะถูกบั่นทอน ที่สำคัญ ระหว่างทางอย่าลืมที่จะ celebrate small success ของเรา ไม่ต้องรอให้ถึงวันที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ ไม่ต้องรอวันที่มียอดขายเป็นพันล้าน เราก็สามารถ ฉลองความสำเร็จเล็กๆ ของเราได้ทุกวัน

“ขอบคุณข้อมูลจาก SMEs Today”                                                                                                                             

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook